ความหวังดีที่อีกฝ่ายไม่ต้องการก็เท่ากับส่วนเกินหวังดีแล้วไม่ได้ดีหวังดี
แต่เขาไม่เห็นค่าอุตส่าห์หวังดีทำไมถึงโกรธหวังดีก็หาว่าหนูแส่ไม่เข้าเรื่องคำพูดน้อยใจหรือเสี ยใจประมาณนี้
เป็นสิ่งที่ผมพบได้บ่อยถึงบ่อยมากซึ่งสร้างความทุ กข์ใจให้กับผู้ที่หวังดีไม่มากก็น้อย
แต่เมื่อฟังรายละเอียดของเหตุการณ์แล้วพบว่าความหวังดีที่เป็นส่วนเกินที่พบได้บ่อยนี้
สามารถแบ่งได้เป็น 4 กลุ่มใหญ่ ๆ
1. หวังดีแต่ผลร้ าย
ต้องบอกก่อนว่ากรณีนี้ไม่ได้พูดถึงการ หวังดีประสงค์ร้ ายซึ่งในกรณีนี้จะหมายถึงการประสงค์ร้ าย
ตั้งแต่แรกแล้วเพียงแต่มาทำเหมือนดีด้วย แต่เป็นการทำด้วยความหวังดีจริงๆ
แต่ผลกลับออกมาไม่ดี ตัวอย่ างของความหวังดีแบบนี้เช่น สามีต้องเอาเอกส ารสำคัญไปทำงานพรุ่งนี้
ด้วยความกลัวลืมเอาไปมาก จึงเอากระเป๋าใส่เอกส ารไปแขวนไว้ตรงหน้าประตู จะได้ไม่ลืม ภรรย าเดินผ่ านมาเห็น
จึง หวังดี เอาไปเก็บในห้องให้เพื่อความเรียบร้อยผลคือสามีลืมเอาไป แน่นอนว่าความหวังดีที่ผลร้ ายแบบนี้
มักทำให้อีกฝ่ายโกรธหรือไม่พอใจ หากมาวิเค ราะห์ความหวังดีประเภทนี้จะพบว่าปัญหาที่เกิดขึ้น
มักประกอบด้วย 2 องค์ประกอบ คือคิดไม่รอบคอบ มักคิดเองเออเองว่าสิ่งที่ทำมันดี
โดยไม่เข้าใจเหตุการณ์อย่ างถ่องแท้ เช่นตัวอย่ างกรณีแรกจะเห็นว่า หากคิดให้ดีๆ
ควรจะสงสัยและคิดว่าทำไมสามีต้องเอากระเป๋าไปแขวนไว้ตรงหน้าประตูด้วย น่าจะมีเหตุผลบางอย่ าง
แต่พอไม่ทันคิด จึงกลายเป็นคิดเอาเองว่าการเอาไปเก็บในห้องให้เรียบร้อยเป็นสิ่งที่ดี จึงเกิดปัญหาขึ้น
ข าดการสื่อส ารที่ดี ในทั้งสองกรณีที่ยกตัวอย่ างจะเห็นว่าปัญหาจะไม่เกิดเลย
หากเราถามอีกฝ่ายหนึ่งก่อนว่าที่ทำแบบนั้นมีเหตุผลอะไรรึเปล่า หรือก่อนจะเอาไปเก็บถามก่อนว่าอีกฝ่ายต้องการหรือไม่
ก็จะหลีกเลี่ยงผลเสี ยที่ตามมาได้แล้วแนวทางแก้ไข จากที่วิเค ราะห์ไป
จะเห็นว่าความหวังดีแต่ผลร้ ายนี้สามารถแก้ได้ 2 แบบ คือ คิดให้รอบคอบก่อน
หากไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ทำมันจะดีจริงก็ชะลอไว้อย่ าพึ่งทำและ สื่อส ารกันให้ดี
ถามอีกฝ่ายหนึ่งก่อนว่าต้องการความหวังดีของเราหรือเท่านี้ก็น่าจะช่วยแก้ปัญหาได้แล้ว
2. หวังดีแต่น่ารำคาญ
กรณีนี้อาจไม่ได้มีผลร้ ายอะไรตามมาแต่ความไม่พอใจมักเกิดจากความเยอะ หรือ มาก เกินไปของความหวังดี
ตัวอย่ างที่เห็นได้บ่อย คือการถามหรือบ่นอะไรซ้ำ ๆ เช่น แม่เป็นห่วงลูกสาวมาก เลย หวังดี
โทรถามทุ กเย็นกว่าเลิกเรียนแล้วกลับบ้านรึยังซึ่งทำให้ลูกสาวหงุดหงิดและรำคาญ
หรือฝ่ายหญิงพูดเตื อนแฟนทุ กครั้งที่เล่นเกมส์เพราะ หวังดี กลัวเ สียสายตา
จนอีกฝ่ายเบื่อแนวทางแก้ไข กรณีนี้จะเห็นว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่ผลลัพธ์
แต่สิ่งที่แต่สร้างปัญหาคือความ มากเกินไป ของความหวังดีซึ่งส่วนใหญ่
มักเกิดจากความกังวลของคนที่หวังดีนี่แหละดังนั้นการแก้คือต้องรู้ตัว
แล้วลดความเยอะหรือบ่อยลงไปและหาทางจัดการกับความกังวลของตัวเองให้ได้
3. หวังดีแต่ผิดเวลา
กรณีนี้คือตัวสิ่งที่ทำไม่ใช่ปัญหาแต่ปัญหาคือดันผิดเวลาผิดก าลเทศะ จึงทำให้อีกฝ่ายรู้สึกไม่ดี
เช่น รู้มาว่าเพื่อนพึ่งหย่ ากับสามีพอเจอหน้าเพื่อนเลยรีบถามด้วยความเป็นห่วงว่าแกเป็นไงมั่ง
เห็นว่าพึ่งหย่ าเหรอ ต่อหน้าเพื่อนอีกเป็นสิบคน
ซึ่งความจริงเพื่อนก็อย ากระบายและปรึกษาอยู่แต่ไม่ใช่ต่อหน้าคนเยอะขนาดนี้แนวทางแก้ไข
ก่อนแสดงความหวังดี ควรมองรอบๆ ก่อนสักนิดว่าจังหวะและเวลามันเหมาะสมจริงหรือไม่ก่อนที่จะแสดงความหวังดีออกไป
4. หวังดีแต่เป็นคนที่ไม่ใช่
กรณีนี้พูดง่ายๆ เลยคือ คนไม่ใช่ทำอะไรก็ผิดแม้ผลจะดียังไง อีกฝ่ายก็ไม่ชอบอยู่ดี
บางครั้งอาจเกิดจากระดับความสัมพันธ์ที่ไม่ได้สนิทสนมมากเพียงพอแนวทางแก้ไข กรณีนี้ก่อนแสดงความหวังดี
ควรพิจารณาก่อนว่าความสัมพันธ์ของเรากับอีกฝ่ายเป็นอย่ างไร เราเป็นคนที่อีกฝ่ายอย ากได้รับความหวังดีหรือไม่
หากในกรณีที่ทำไปแล้วอีกฝ่ายไม่สนใจในความหวังดีก็คงต้องทำใจและเลิกทำไป
หรือหากยังอย ากพย าย ามทำให้ต่อไปซึ่งมักเกิดขึ้นในกรณีการตามจีบก็ต้องทำใจยอมรับไว้ก่อนเลยว่า
อีกฝ่ายอาจไม่โอเคด้วยดังนั้นแล้ว หากให้สรุปง่ายๆ ก็คือต้องตระหนักไว้เสมอว่า ความหวังดีไม่ได้แปลว่ามันจะดีทุ กครั้ง
ความหวังดีนั้นต้อง ถูกเรื่อง ถูกเวลา ถูกคนและไม่มากเกินไป จึงจะเป็นความหวังดีที่ดีจริง ๆ
เรื่องของความหวังดีอย่ าหวังดีหัวปักหัวปำบางครั้งการห่วงใย กลายเป็นก้าวก่ายไม่รู้ตัว
และความหวังดีที่มาผิดที่ผิดเวลา อาจเรียกได้ว่า เผือกเพราะว่าหวังดีของเราอาจไม่ได้แสดงในทางดี
และหวังดีของเราอาจไม่ทำให้คนพอใจเสมอไปหวังดีไม่ใช่การยืนมองอยู่ในจุดเรา แบบแผนเรา
หวังดีไม่ใช่จัดไป จัดให้ตามใจเพื่อให้รู้ว่ารักหวังดีไม่ใช่การฝืน ขืนใจ
หวังดีไม่ใช่การเก็บไว้ในใจเสมอให้คนเดาเอาเองหวังดีมีความแต กต่างกันไป
อย่ างน้อยควรแสดงออกให้รู้ว่าหวังดีท้วงติง ตริตรองไม่ให้เกิดการเหลิงลมบนที่สำคัญ
หวังดี คือ อิสระ ไม่ฝืน ไม่ต้องการควบคุม
ขอบคุณที่มา : verrysmilejung