ความฝันเกิดขึ้นได้อย่ างไร ทำไมเราจึงฝัน ในทางวิทย าศาสตร์ค้นคว้าวิจัยพบว่า ความฝันเกิดจาก การทำงานของจิตใต้สำนึก
ในทางพุทธศาสตร์กล่าวว่า ความฝันเกิดจากเหตุปัจจัย 4 อย่ าง คือ
1. ธาตุวิปริต หมายถึง ร่าง กายไม่สบาย หรือไม่เป็นปกติ จึงได้ฝัน ซึ่งเป็นความฝันที่ไม่ค่อยจริง
2. จิตนิวรณ์ หมายถึง จิตมีความผูกพันอยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง อาจเป็นสิ่งของ สถานที่ หรือบุคคล จึงนำมาปรุงแต่งเป็นความฝัน
เช่น ฝันถึงคนเคยรู้จักกันที่ยังมีชีวิตอยู่ หรือเ สียชีวิตไปแล้ว อาจฝันดีหรือฝันร้ ายก็ได้ ฝันดังกล่าวบางครั้งก็เป็นจริง แต่หลายครั้งไม่จริง
อย่ างไรก็ตาม หากฝันถึงคนที่เ สียชีวิตไปแล้ว เห็นเขาอยู่ในสภาพที่ไม่ดี ก็ควรทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เพื่อความสบายใจ เขาจะได้รับส่วนบุญหรือไม่นั้น ย ากจะหยั่งรู้ได้ แต่ผู้ที่ทำบุญย่อมได้รับบุญนั้น
3. เทพสังหรณ์ หมายถึง เทวดามาดลใจให้ฝัน อาจแม่นหรือไม่แม่นก็ได้ เพราะเทวดามีทั้งสัมมาทิฐิ และมิจฉาทิฐิ มีทั้งมีบุญบารมีมากและมีน้อย หากเทวดาที่มีสัมมาทิฐิมีบุญบารมากมาเข้าฝัน เรื่องที่ฝันก็เป็นความจริง
4. สุบินนิมิตหรือบุพนิมิต ฝันเพราะมีลางบอกเหตุว่าจะได้พบเจอสิ่งใดในก าลข้างหน้า เป็นความฝันที่เป็นจริง
ดังเช่น พ ระนางสิริมหามาย า พุทธมารดา ฝันว่า มีช้างนำด อกบัวมาถวาย
โหรทำนายว่า จะมีพ ระโพธิสัตว์ผู้ที่จะตรัสรู้เป็นพ ระพุทธเจ้ามาเกิดในครรภ์ของพ ระนาง ซึ่งก็เป็นจริง
แม้นักพรตสิทธัตถะก่อนจะตรัสรู้หนึ่งคืน ก็มีบุพนิมิต (ลางบอกเหตุ) เป็นความฝัน 5 เรื่องด้วยกัน
ตื่นเช้าท่านตีปริศนาแห่งความฝันว่า จะได้ตรัสรู้เป็นพ ระพุทธเจ้า ซึ่งก็เป็นความจริง
หรือหลวงปู่มั่นก็มีสุบินนิมิต ฝันเป็นปริศนาธรรมบ่งบอกว่าจะได้เป็นพ ระอรหันต์ ต่อมาท่านก็ได้บรรลุอรหัตผล เป็นต้น
แม้ความฝันของคนเราอาจเกิดจากเหตุปัจจัยต่าง ๆ ดังกล่าว ผู้ฝันก็ไม่ควรจะจริงจังหรือยึดติ ดกับความฝันนัก จะทำให้จิตพะวงอยู่แต่กับความฝัน หากฝันร้ ายอยู่เป็นประจำ ก่อนนอนจิต ก็จะกังวลว่าจะฝันร้ ายอีก จิตจึงมีนิวรณ์พาให้ฝันร้ ายจริง ๆ
ความฝันผ่ านมาแล้วผ่ านไป ชีวิตจะดีหรือร้ าย ขึ้นอยู่กับการกระทำของตนเองเป็นสำคัญ
ขอบคุณที่มา : ส ถ า นี ค ว า ม สุ ข