1. เงิ นสำรองเผื่อฉุ กเฉิน 1 ปี
โดยทั่วไปเรามักจะได้ยินว่า เราควรมีเงิ นเก็บไว้ใช้ย ามฉุ กเฉิน 3-6 เท่าของค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนของเรา หรือ 12 เท่า หากรายได้ของเราไม่แน่นอน
แต่คุณโยโกย ามะ ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ ได้ฟั นธงเลยว่า ดีที่สุดคือให้เก็บ 1 ปีไปเลย และเป็นเงิ นเท่ากับรายได้ 1 ปี (ไม่ใช่รายจ่าย)
เพื่อให้อุ่นใจว่า เราจะมีเงิ นพอในการใช้ชีวิตและใช้จ่ายต่าง ๆ ไม่ว่าเศรษฐกิจจะแ ย่ขนาดไหนก็ตาม
2. วิ ธีออมเงิ นที่ง่ายที่สุดคือลดรายจ่าย
หลายคนอาจจะเคยลองหาวิ ธีทำให้ตนเองมีเงิ นเก็บมากขึ้น โดยการหางานพิเศษทำบ้าง ลดค่าใช้จ่ายบ้าง หรือทำทั้งสองวิ ธีควบคู่กันไป
คุณโยโกย ามะเฉลยว่า วิ ธีที่ง่ายและยั่งยืนที่สุด คือ การลดค่าใช้จ่าย ใคร ๆ ก็ทำได้และทำได้อย่ างต่อเนื่อง
ส่วนวิ ธีการหารายได้เพิ่ม อาจจะเหมาะกับคนที่มีธุรกิจส่วนตัว นอกจากนั้น เขายังยืนยันว่า การประหยัดนั้นไม่จำเป็นต้องน่าเบื่อ
สามารถทำให้สนุกได้ โดยการหาวิ ธีประหยัดที่เหมาะกับนิสัยและพฤติกร รมของตนเอง และตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน
3. เป้าหมายคือสัดส่วนการใช้เงิ น มากกว่าจำนวนเ งินที่ใช้ไปจริง
เรามักจะคุ้นเคยกับการตั้งเป้าหมายในการออมเ งินเป็นจำนวนเ งิน เช่น เดือนนี้จะออมให้ได้กี่บาท หรือจะใช้เงิ นไม่เกินกี่บาท
คุณโยโกย ามะเสนอว่า ทางที่ดีกว่าคือ ควรจะคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ ให้เราแบ่งการใช้เงิ นออกเป็น 3 ประเภท คือ ใช้อุปโภคบริโภค ใช้ฟุ่มเฟือย และใช้ลงทุน
และพย าย ามเพิ่มสัดส่วนการใช้ลงทุน เป้าหมายของเขาคือ ให้มีสัดส่วนการใช้เงิ นเพื่ออุปโภคบริโภค 70% ใช้ฟุ่มเฟือย 5% และใช้ลงทุน 25%
4. ระยะเวลาที่เหมาะสมสำหรับภารกิจออมเ งินคือ 90 วัน
สาเหตุที่ภารกิจออมเงิ นแต่ละช่วงของคุณโยโกย ามะใช้เวลา 3 เดือน เริ่มจากวันที่เงิ นเดือนออก เพราะว่า
ระยะเวลาไม่สั้นไป ทำให้สามารถเห็นความเปลี่ยนแปลงได้ และไม่ย าวไป ทำให้สามารถปรับเปลี่ยนเป้าหมายครั้งต่อไปได้ง่าย
ในระหว่างที่ทำภารกิจนั้น สิ่งที่คุณโยโกย ามะแนะนำให้ทำ เช่น ทำบันทึกรายรับรายจ่าย
เพื่อให้เรารู้ว่า เราใช้เงิ นไปทำอะไรบ้าง อยู่ในสัดส่วนที่เราต้องการหรือไม่
ไม่ใช้บัตรเครดิต เพื่อให้รู้ว่า เรามีปัญหาเรื่องการชักหน้าไม่ถึงหลังหรือไม่ และอาจช่วยให้เราประหยัดเงิ นเนื่องจากการต้องคิดไตร่ตรองก่อน
เขียนบันทึกสิ่งที่ตนเองนึกคิด 3 บรรทัดทุ กวัน เพื่อให้เข้าใจอ ารมณ์และความรู้สึกของตนเองมากขึ้น ลิสต์รายการห นี้สินและจ่ายคืน ฯลฯ
5. สร้างนิสัยการออมเ งิน
เมื่อจบ 3 เดือนแล้ว ให้ทบทวนเป้าหมายและผลลัพธ์ที่ได้ สังเกตพฤติกร รมการใช้เงิ นของเรา โดยดูจากสมุดบันทึกรายรับรายจ่าย
และทำโปรแกรมออมเงิ นสำหรับ 3 เดือนถัดไป โดยปรับรูปแบบให้เข้ากับพฤติกร รมของเรา ทำอย่ างนี้ไปเรื่อย ๆ จนเกิดเป็นนิสัย เราจะสามารถออมเงิ นได้ดี
การไปสู่เป้าหมาย ขอให้เรามีความตั้งใจแน่วแน่ และลงมือปฏิบัติเพื่อให้ไปถึงเป้าหมายนั้น โดยไม่ถอดใจยอมแพ้ไปก่อน
หากไม่สามารถออมเงิ นได้สักที คุณโยโกย ามะแนะนำว่า อาจต้องหาคนสนิทมารับรู้ว่า เราตั้งใจจะทำอะไรเพื่อเป็นแรงผลักดัน
ทั้งนี้ เราต้องไม่โ ทษสภาวะแวดล้อม และเปลี่ยนความขัดสนเป็นแรงกระตุ้นให้เรามุ่งไปข้างหน้าต่อไป
ขอบคุณที่มา : na-aan