1. หลังจากยุคด อกเบี้ ย 0% ทุ กอย่ างจะแ ย่ลงไปอีก นั่นเป็นเพราะว่าเ งินจะล้นระบบ
แต่ไม่ใช่เ งินมีมากสำหรับทุ กคนหรอกนะ เมื่อเงิ นล้นระบบจะล้นไปอยู่ในมือคนร วยซึ่งคนร วยมีจำนวนที่น้อยมาก ๆ
เมื่อเทียบกับคนจน จึงเกิ ดการใช้จ่ายที่น้อยตามไปด้วยและเมื่อใช้จ่ายน้อยก็จะส่งผลกระทบแบบโดมิโน่คือ พ่อค้าแม่ค้า
ไม่มีคนซื้อ ของก็จะขายไม่ได้ ตลาดห้ างส รร พสิ นค้าไม่มีคนเดิน คนส่วนมากไม่มีเงิ นที่จะเอาไปใช้จ่ายให้เ งินหมุนเวียนเศรษฐกิจ
และพอเศรษฐกิจไม่ดี ทั้งบริษัททั้งโรงงานก็ต้องปิดตัวลง
2. เงิ นจะหาย ากขึ้น ลองดูทุ กวันนี้สิ ว่าคนเริ่มจับจ่ายใช้สอยกันน้อยลงขนาดไหน
นี่ยังไม่รวมกับวิ กฤ ต โ ค วิ ด ที่เพิ่งเกิดขึ้นจนส่งผลกระทบในวงกว้าง
และหากในอนาคตที่ ธนาค ารทั่วโลกจะให้ ด อ กเ บี้ ยเงิ นฝาก 0%
เท่ากับคนที่ฝากเงิ นใน ธ น าค ารจะไม่ได้ด อ กเบี้ ยเลย
3. เงิ นจะอยู่เหนือคนมากยิ่งขึ้น เมื่อเงิ นหาย ากมากขึ้น
ก็ยิ่งมีค่ามากขึ้นและคนก็จะพย าย ามทำทุ กอย่ าง
เพื่อให้ได้มันมาโดยไม่สนว่าใครจะลำบ ากหรือเดื อดร้ อน
4. ครอบครัวมีปัญหามากขึ้น สมัยก่อนผู้ชายจะเป็นคนออกไปทำงานหาเงิ น
เพื่อมาเลี้ยงครอบครัวผู้หญิงจะอยู่บ้านคอยดูแลงานบ้านและเลี้ยงลูก
ทำให้มีเวลาอยู่กับลูกได้ตลอด แต่พอมายุคนี้ ทั้งพ่อและแม่ก็ออกไปทำงานนอกบ้าน
และยิ่งยุคที่เ งินหา ย ากยิ่งต้องทำงานมากขึ้นไปอีกเพราะหาเ งินมาก็ไม่พอค่าใช้จ่าย
5. คำว่า “อิสรภาพทางการเ งิน” จะเอื้อมถึงได้ย ากขึ้น
เดี๋ยวนี้ใคร ๆ ก็ชอบพูดเรื่องอิสรภาพทางการเงิ นกันมากขึ้น
การที่มีรายได้เข้ามามากกว่ารายจ่ายแบบที่เราไม่ต้องทำงาน
เป็นการสร้างอิสรภาพทางการเงิ นให้ตัวเองซึ่งคนสมัยก่อนจะนิยมฝากเ งินเพื่อเอา ด อ กเบี้ ย
แต่ถ้ามองดูยุคปัจจุบันเราคงทำแบบนั้นไม่ได้แล้ว
และยิ่งลงทุนผิ ดที่ กลายเป็นว่าเราจะต้องทำงานไปตลอดชีวิต
ขอบคุณที่มา : forlifeth