ถ้าชื่นชมยินดีกับคนอื่นเป็น ใจก็เปิดรับสุขของคนอื่น ขย ายขอบเขตความสุขได้มากกว่าชีวิตของตัวเอง
แต่เมื่อริษย าคนอื่นอยู่ ใจจะปิดแคบเป็นทุ กข์ เพิ่มแรงกดดันอันเป็นทุ กข์ ได้มากกว่าที่ตัวเองมีอยู่เดิม
ความสุข ความสำเร็จ ความเจริญรุ่งเรือง เป็นพลังที่แผ่จากคนหนึ่ง ไปเป็นความรู้สึกของอีกคนได้
ช่วยขย ายความสุขให้อีกคนได้ ราวกับสำเร็จหรือรุ่งเรืองด้วยตนเอง
มีข้อแม้อย่ างเดียว คือ ต้องร่วมยินดีด้วยใจได้ โดยไม่จำเป็นต้องเป็นพวกพ้อง หรือบุคคลสำคัญในชีวิตตน
ปัญหาคือ ถ้าไม่เคยฝึกแผ่ใจเป็นเมตตาไม่เลือกหน้า จิตมนุษย์ จะเข้าโหมดริษย าก้าวสุดท้ายของคนอื่น ด้วยความเกียจคร้าน ที่จะเริ่มก้าวแรกของตนเอง
เห็นคนอื่นเป็นอีกฝ่าย อีกพวก ที่ไม่มีผลประโยชน์ให้ตน หรือกระทั่งฉกฉวยความสุขทางใจไปจากตน
การยินดีที่ผู้อื่นได้ดีนั้น เรียกว่าเรามี มุทิตาจิต ผลโดยตรงคือกำจัดความอิ จฉาริษย า เพราะมุทิตากับริษย าเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน
ใครมีมุทิตาจิตมากกว่าความริษย า ผลจะทำให้เป็นผู้ห่างจากวงจรแห่งภัยเ วร มีโทสะน้อย ใครเห็นแล้วจะอย ากช่วยเหลือเกื้อกูล มากกว่าอย ากแข่งดีด้วย
ผลในระยะย าว เมื่อกลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีก จะเป็นผู้อยู่ในตระกูลสูง ไม่เป็นที่ดูถู กของใคร ๆ กับทั้งจะมีส่วนช่วยเสริมให้ผิวพรรณผุดผ่องได้
ส่วนหลักการทำบุญด้วยวิ ธี อนุโมทนา นั้นก็คือมีใจยินดีร่วมกับบุญของผู้อื่น ถ้ามีความเข้าใจ ในกิริย า และค่าของวัตถุ อันเป็นตัวบุญของคนอื่น
อีกทั้งร่วมปลื้มไปกับเขา คือ ใจประกอบด้วยโสมนัส ชุ่มชื่นเบิกบานอย่ างแท้จริง
ก็เรียกว่าได้ส่วนบุญนั้น เต็มเม็ดเต็มหน่วยในฝ่ายเราแล้ว ใจที่ยินดีในบุญนั่นแหละ คือ แม่เหล็กดึงดูดบุญเข้าหาตัว
ส่วนจะได้เท่าเขาหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับว่าใจเรา เต็มที่ อย่ างเขาหรือเปล่า วัดง่าย ๆ คือ คิดอย ากทำให้เท่าเขา ด้วยตัวเราเองไหม
หรืออย่ างน้อย อย ากทุ่มแรงกายแรงใจ กับกำลังทรัพย์ร่วมไปกับเขาไหม
การ อนุโมทนาบุญ นั้น หากทำบ่อยแล้ว ในระยะใกล้จะทำให้เป็นผู้มีปีติง่าย ในระยะย าวหากกลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีก จะทำให้เป็นผู้มีศรัทธาเป็นกำลัง
คือมีใจโน้มน้อมไปในบุญกุศล และเห็นถูกเห็นชอบตามหลักกร รมวิบาก เพราะมีความอ่อนน้อม พอจะรับกระแสกุศล และปฏิเสธกระแสอกุศล
ขอบคุณที่มา : dhammasawatdee