ถ้าไม่เคยสังเกต ลองสังเกต ผู้หญิง ใส่รองเท้าส้นสูง อัตตาจะเหมือน สูงขึ้น ผู้ชาย ใส่ชุดเต็มยศ อัตตาจะเหมือน พองขึ้น
หากใครเคยมีประสบการณ์ใส่ชุดเกราะหนา ๆ ก็จะยิ่งเข้าใจว่ามันทำให้ รู้สึกมีอัตตาที่แข็งแกร่งกว่าปกติไปได้
รถราก็ทำนองเดียวกัน หรือยิ่งกว่านั้นอีก อัตตาของเรา ถูกปรุงแต่งไปตามสภาพรถที่เราควบคุม
โดยความเป็นรถ มันใหญ่กว่าตัวเรา มันพุ่งไปได้เร็วกว่าขาเรา แล้วมันก็แข็งแกร่งกว่าร่ างกายของเรา
เมื่อเราควบคุมมันอยู่ เราจึงรู้สึกถึง อัตตาของรถ ที่ใหญ่กว่า แรงกว่า แกร่งกว่า อัตตาของเราอยู่ตลอด
มีข้อพิเศษแยกย่อยไปกว่านั้น หากเป็นรถที่มองได้จากมุมสูงกว่าชาวบ้าน
สายตาเราจะเห็นรถชาวบ้าน เป็นเต่าเตี้ยไปหมด หากเป็นรถแพง ให้สัมผัสภายในหรูหรา
พอมองออกไป รถชาวบ้านจะกลายเป็นกระป๋องผุไปหมด ในทางกลับกัน หากรถของเราให้ความรู้สึก กระจอก
เราอาจเก็บกดและเกิดอุปาทานอยู่ลึก ๆ ว่า สายตาภายนอกมองมาอย่ างเหยี ยดหย าม คนทั้งถนนเห็นเราเป็นเบี้ยล่างกันไปหมด
ถ้าอยู่ในภาวะขับขี่ปกติก็เหมือนไม่มีอะไรพิเศษ เหมือนเราเป็นตัวเดิม คิดอ่ านแบบเดิม
แต่พอเกิดเรื่องหรือมีสิ่งผิดปกติขึ้นมา อัตตาของรถ จะขับดันโทสะให้แรงขึ้นกว่าอัตตาของเรา
ผู้เจริญสติเพียงระลึกว่า เมื่อใดตัวอยู่หลังพวงมาลัยรถ เมื่อใดเท้าเหยียบคันเร่งรถ เมื่อใดสายตามองออกไปนอกรถ
เมื่อนั้นจิตพร้อมจะถูกรถห่อหุ้มให้เกิดอุปาทาน ซึ่งอาจแต กต่างไปจากอัตตาเดิม ๆ มาก
เมื่อเห็นอัตตาของรถชัดขึ้นทุ กวัน พอโทสะพุ่งปรี๊ดขึ้นมาเมื่อใด จะได้รู้สึกว่า นั่นไม่ใช่เรา ไม่ถือเอาโทสะนั้นเป็นอ ารมณ์ของเรา
แต่เป็นโทสะของรถ เป็นโทสะของเหล็กไปใจจะมีสติกว่าเดิม กลับมาอยู่กับเ นื้อกับตัวเล็ก ๆ ของเรา และเป็นตัวของตัวเองเร็วขึ้นได้
การเดินทาง บีบให้สร้างอาจิณกร รมทางใจและทางปาก ถ้ามองเส้นทางไปทำงาน เป็นแบบฝึกหัดก่อกร รม ค่อย ๆ ฝึก ค่อย ๆ ขัดเกลาจิตใจ
อย ากด่า แล้วคิดถึงคำว่าพุทโธแทน อย ากเชียร์ให้ชน แล้วเห็นเป็นสิ่งผิด เปลี่ยนเป็นเมตตา เอาใจช่วยให้เขารอด
ในที่สุดผ่ านไปหลายเดือนหลายปี โรงเรียนกร รมบนถนน ก็สอนเราให้เป็นคนดีได้
พร้อมจะไปฝึกเรียนและผ่ านบททดสอบ ที่หินกว่ากันในที่ทำงานได้แล้ว
ขอบคุณที่มา : dhammasawatdee