หลายคนตัดสินใจลาออกจากงานที่ตนรัก เพื่อสังเวยให้กับสังคมที่มีแต่คน ร้ า ย ๆในองค์กร โดยที่เจ้านายไม่ได้ปกป้องลูกน้องที่ดี
แต่ กลับนิ่งเฉย ปล่อยเนื้ อ ร้ า ย ไว้ในองค์กร
หลายบริษัทต้องเสี ยพนักงานดี ๆ ไปเพียงเพราะมี “คนร้ าย ๆ ในองค์กร” แต่ก็ไม่สามารถจัดการอะไรได้ คนดี ๆ คนเก่ง ๆ ก็ลาออกไปกันหมด
หลาย ๆ คน ตอบได้เต็มปากเต็มคำ “ฉัน รัก งาน ของฉันมากนะ” พวกเขาไม่ได้มี ปั ญ ห า กับงาน หนักแค่ไหนก็ลุยได้
แต่บางครั้งการทำงานกับคน เ ล ว ๆ กำลังจะทำให้เขาหมดไฟที่จะไปต่อกับองค์กรในที่สุด เขายอมละทิ้งงานที่เขารัก
เพื่อสังเวยให้กับคนเหล่านี้ได้เสมอ เมื่อเจ้านายไม่จัดการอะไรเลยสักอย่ าง บอกอะไรก็ดูเหมือนจะไม่ตักเตื อน
หรือไร้ซึ่งการพัฒนาตนเองของคน ร้ า ย ๆ คนนั้น แล้วที่มัน เ ล ว ร้ า ย ไปกว่านั้นคือ คน ร้ า ย ๆ เหล่านั้น กลับเป็นเจ้านายของเขาเสี ยเอง
และเป็นคนทำให้บรร ย า กาศการทำงานมันแ ย่ไปกว่าเดิม “คนในองค์กรระดับสูง” คือชนชั้นเจ้านายมีผลมาก
ต่อการที่วัฒนธรรมองค์กรจะเปลี่ยน หรือไม่เปลี่ยน ถ้าคุณเห็นบุคคล หรือกลุ่มคนที่เป็นเ นื้อ ร้ า ย ขององค์กร
ด้วยพฤติก รรมที่ไม่เหมาะสม แต่คุณยังคงนิ่งเฉย ไม่ทำอะไร สุดท้ายคนดี ๆ ทำงานเก่ง ๆ เจ๋ง ๆ ก็จะลาออกไปกันหมด
เพราะพวกเขาทนสภาวะแวดล้อมในการทำงาน เ ล ว ๆ นั้นไม่ได้ แต่ที่เจ้านายนิ่งเฉย บางครั้งเขาเห็น ปั ญ ห า
แต่เขาทำเป็นไม่เห็น เพื่อไม่ให้ตัวเองเดื อดร้อนไปด้วย หรือลงไปเล่นใน ส ง ค ร า ม ก า ร เ มื อ ง ของลูกน้อง
เพื่อเอาตัวรอด ให้ตน ป ล อ ด ภั ย ไม่แตะลง “ ปั ญ ห า คน”
ทั้ง ๆ ที่มันกำลังจะเป็น ปั ญ ห า กระทบไปถึงงานเสี ยด้วยซ้ำ ความพ ย า ย า มของเจ้านายในการแก้ปัญหาคน
สะท้อนถึงความตั้งใจที่จะเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กร และสิ่งแวดล้อมในการทำงานให้น่าอยู่ขึ้น ซึ่งจะช่วย HR ขับเคลื่อนได้ดีมาก
ด้วยความร่วมมือ การ report และ feedback ต่าง ๆ กลุ่มคนที่สร้าง ปั ญ ห า ให้เพื่อนร่วมงาน และพฤติก รรมที่ไม่พึงประสงค์ในคำพูด
และการกระทำ มันทำให้การทำงานไร้ความเป็นทีม จะหาความเป็นทีมได้จากคนทำงานกร่าง ๆ ในที่ทำงาน ที่ไม่สนใจการอยู่ร่วมกับคนอื่น
หรือการสร้างวัฒนธรรมที่ดีในองค์กร คงหาไม่ได้อีกแล้ว
และถ้าพ ย า ย า มแล้วที่จะแก้ไข แต่คนเหล่านั้นไม่เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น ผู้บริหารและ HR ควรต้องตัดสินใจอย่ างใดอย่ างหนึ่งที่เด็ดข าดมากพอ
ไม่อย่ างนั้นแล้ว เขาจะเสี ยคนฝีมือดีที่เป็นเส้น เ ลื อ ด ใหญ่ขององค์กรไปเรื่อย ๆ จนเหลือไว้แต่ “เจ้าที่ข าโจ๋” ที่ทำตัวยิ่งใหญ่ แต่ไม่ทำงาน
และไม่เป็นเพื่อนร่วมงานที่ดี
แล้วก็ยังคงเก็บเอาไว้ในองค์กร ยอมจากไปเพื่อแลกกับ สุ ข ภ า พ จิตของตนเอง คนเราใช้เวลาในที่ทำงานปีหนึ่ง ๆ
มากกว่าได้หยุดอยู่บ้านเสี ยอีก ลองคิดดูสิคะ บางคนอยู่ออฟฟิศมากว่าอยู่บ้านเสี ยอีก
หลายคนรักงาน ยอมทำงานโดยไม่รับโอที ยอมสละเวลาทุ กอย่ าง แต่ กลับได้เพื่อนร่วมงาน ร้ า ย ๆ ก็ไม่อ ย า กอยู่หรอกค่ะ
บอกตรง ๆ เลย มันเป็น ” สุ ข ภ า พ จิต” ทั้งหมดของพวกเขา ให้เขาแลกชีวิต การทำงาน กับการต้องเป็นบ้ากับคนในงาน
เมื่อเขาลองชั่งน้ำหนักแล้วมันไม่คุ้ม สุดท้าย เขาเลือกลาออกไปดีกว่า เพราะมันแลกกับจิตที่ดีกลับมา
และมันทำให้คุณค่าในการใช้ชีวิตในที่ทำงานของเขากลับมาด้วย เมื่อได้ทำงานที่รัก และเจอเพื่อนร่วมงานที่น่ารักอยู่ร่วมไปด้วยกัน
มันทำให้โลกของการทำงานน่าอยู่ เป็น teamwork งานก็สำเร็จ ความสัมพันธ์ก็ดี ความสุขก็กลับมา
แต่ ปั ญ ห า คือ การลาออกไปหาที่ใหม่ ไม่ได้รับประกันว่า เราจะไม่เจอคน ร้ า ย ๆ แต่ ก็ขอภาวนาละกันว่า
ขอให้ได้เจ้านายดี ๆ ที่จัดการผู้ ร้ า ย ในคราบเพื่อนร่วมงานให้เราได้ และเจ้านายก็อย่ าเป็นผู้ ร้ า ย เสี ยเอง เพี้ยง
อ่ านแล้วถูกใจมาก ทุ กวันนี้ แม้แต่เพื่อนร่วมงานหรือคนที่ปริญญาชีวิตรู้จัก หลายคนพบ ปั ญ ห า นี้ และลาออกกันไปมากมาย
เพียงเพราะไม่ชอบเพื่อนร่วมงาน ทั้ง ๆ ที่เป็นคนที่ทำงานเก่งมาก สละเวลาทุ กอย่ างเพื่องาน และมีความรับผิดชอบสูงมาก
แต่บริษัทไม่สามารถจัดการกับคนร้ าย ๆ ที่เลี้ยงเอาไว้ได้ เค้าจึงต้องขอลาออกไปหาที่ใหม่ที่อาจจะดีกว่าเดิมนั่นเอง
เ นื้ อ ห า ดี ๆ จาก Thanabatra Beboyl Chaidarnn
page owner: ตุ๊ ด ส์ r e v i e w / Pussy can talk
ขอบคุณ : parinyacheewit