สิ่งหนึ่งที่เข้าใจกันผิด ๆ ก็คือ คนคุ้นเคยหรือคนกันเองต้องไม่เกรงใจกัน ซึ่ง “ผิด”
มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีเหตุผล แต่ยึดอ ารมณ์ตนเป็นใหญ่ ฉะนั้น จึงไม่แปลกหากจะ ‘คิดเพี้ยน ๆ’
ว่า ‘คนใกล้ชิด’ แปลว่า ไม่ต้องเกรงใจกัน อย ากได้อะไรก็ขอตรง ๆ ไม่ชอบใจอะไรก็ด่ าโต้ง ๆ
ไม่ต้องระ วังว่าตัวตนที่แท้จริงจะเปิดเผยออกมาแค่ไหน
อาศัยอ ารมณ์สนิทสนม เป็นเครื่องแสดงความต้องการแบบดิบ ๆ ไม่อย ากเ สียเวลากลั่นกรองอะไรมาก
พูดง่าย ๆ ว่า เป็นตัวของตัวเองร่วมกับใครได้ คนนั้นก็นับเป็นคนสนิท ไม่รู้สึกเป็นอื่น
ข้อเท็จจริงในโลกนี้ก็คือ เราแต่ละคนมีความ ‘เป็นอื่น’ จากกัน มีช่องว่าง ที่ไม่มีวันถมได้เต็ม
ถ้าเผลอเพลินจนเกินไป ปลดปล่อยตัวตนออกมาไม่ยั้งจนเกินงาม ในที่สุดก็จะทนกันไม่ได้
ทุ กคนเคยพูดแบบไม่คิด เพื่อจะต้องมารับผลที่ไม่คาดคิด แต่ก็ไม่แน่ว่าจะได้คิด จากความคิดว่าไม่ต้องเกรงใจกันนั่นแหละ
พูดตรงไปตรงมา พูดข วานผ่ าซ าก กับพูดทุ กคำที่คิด ‘ไม่เหมือนกัน’ เป็น ‘วจีก รรม’ ที่ให้ผลต่างกัน
พูดตรงไปตรงมา คือ พูดแบบไม่อำพราง ไม่หมกเม็ด ไม่อ้อมค้อม เพื่อตัดตรงเข้าจุด อาจกระทบกระเทือนบ้าง
แต่ก็มุ่งประโยชน์ทุ กฝ่าย ผลทันทีคือจิตวิ ญญ าณที่ตั้งตรง ผลข้างหน้าคือการได้อยู่ท่ามกลางคำจริง ไม่ใช่คำลวง และตั้งสมาธิง่าย
พูดข วานผ่ าซ าก คือ พูดแบบไม่เกรงใจ ติเตียน ชี้โ ทษคนอื่น แต่มักจะอย ากให้คนอื่นพูดอย่ างเกรงใจ ชื่นชม
และลืม ๆ ข้อเ สียของตนเอง ผลทันทีคืออัตตาที่น่าเมินหนี ผลข้างหน้าคือถูกจับผิด ถูกติเตียนให้เ จ็บช้ำน้ำใจไม่เลิกรา
พูดทุ กคำที่คิด คือ พูดแบบไม่ร ะวัง ไม่มีอะไรจะพูดก็พูด ไม่สนว่าจะทำความเสี ยหาย
ให้ตนหรือคนอื่นอย่ างไร ผลทันทีคือความเป็นผู้มีสติย าก
คนคุ้นเคย หรือคนรู้สึกดีต่อกัน ต้องเกรงใจกัน ให้เกียรติกัน เพื่อรั กษาความรู้สึกดี ๆ เอาไว้
ถ้าไม่เกรงใจกัน จะทำให้เหมือนมีความรู้สึกที่ไม่ใช่มิตร ไม่ใช่ท่าทีของคนที่จะอยู่ร่วมกันตลอดไป
ความรักที่แท้ คือการเอ็นดูกัน เลี้ยงดูกัน ดูแลกัน ไม่ใช่การเอาเปรียบ หรืออยู่ร่วมกันอย่ างไม่เกรงใจกัน
การให้เกียรติกัน จะทำให้ความแปลกหน้าหายไป ยิ่งอยู่ด้วยกัน ยิ่งเป็นมิตรกันมากขึ้นทุ กที
ศัตรู… ที่ให้เกียรติกัน… มีสิทธิ์จะเป็นมิ่งมิตร
มิตรที่เลิกเกรงใจกัน… มีสิทธิ์จะเป็น… ศัตรูร้ าย
ขอบคุณที่มา : getwellsoonxoxo