คนที่เก็บเงินเก่งหรือวางแผนการเงินได้ดีมาตลอด เป้าหมายเหล่านี้คงไม่ใช่เรื่องยากนัก แต่สำหรับคนใช้เงิน มือเติบ
หรือคนเก็บเงินไม่อยู่มาก่อนเลย อยากตั้งเป้าหมายทางการเงินของตัวเองบ้าง วันนี้ยังไม่สายเรารวมเทคนิคการเก็บเงิน
ที่มีโอกาสสำเร็จสูงมาฝาก เพื่อเริ่มต้นเป็นคนมีสุขภาพการเงินที่ดีไปพร้อมๆ กันในปีนี้
เทคนิคที่ 1 เก็บเงินไว้ในที่ ที่เอาออกยาก
จากเทคนิคแรกหลายคน เคยทำแล้วแต่ตกม้า ต า ย เพราะรู้ว่าตัวเองมีเงินอยู่ในบัญชีและเอาออกมาใช้ตอนยังไม่ถึงเส้นชัยทุกครั้ง
ฉะนั้น เมื่อหักเงินมาเก็บก่อนใช้ได้แล้ว ลองหาที่พักเงินไว้แบบที่เอาออกไปใช้ได้ยาก เพื่อลดความคล่องตัว
โดยอาจทำได้หลายวิธี เช่น
บัญชีออมทรัพย์ปิด ต า ย ไม่มีบัตร ไม่มี e-banking ยังคงเป็นการเก็บเงินสุดคลาสสิกที่เป็นทางเลือกสำหรับคนที่เริ่มต้นการออม
ที่ช่วยหักห้ามการถอน มาใช้ได้ ในระดับหนึ่ง และสามารถสะสมเงินง่ายๆ เพียงโอน เข้าไว้ในบัญชีนั้นๆ ทุกเดือน
บัญชีฝากประจำ บัญชีฝากประจำของแต่ละธนาคาร จะมีเงื่อนไขในการฝากเงินเป็นประจำสม่ำเสมอ ที่ช่วยให้ไม่เผลอเอาเงินออ กมาใช้
และมีผลตอบแทนเฉลี่ยประมาณ 1-2เปอร์เซน ขยับขึ้น มาจากการฝากออมทรัพย์ธรรมดาเล็กน้อยอย่างไรก็ดี ต้องดูรายละเอียด
การฝากประจำ บางประเภท ที่จะมีการเรียกเก็บภาษีและปลอดภาษีเพื่อบริหารให้เหมาะกับเป้าหมายของตัวเองด้วย
ซื้ อสลากออมทรัพย์ สลากออมทรัพย์คือ การออมเงินประเภทหนึ่งที่มีการให้ผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยตามที่ตกลงคล้ายกับการฝากประจำ
ขึ้นอยู่กับประเภทสลาก ความพิเศษของการซื้อสลากออมทรัพย์ คือมีโอกาส ลุ้นหวย หรือลุ้นถูกรางวัลตามเลขบนสลากที่เราซื้อ
ทำให้มีโอกาสลุ้น เป็นเศรษฐีระหว่างที่ฝากเงินด้วย โดยการซื้ อสลากจะช่วยให้เก็บเงินอยู่กว่าการออมแบบธรรมดา เพราะมีกำหนดระยะเวลา
ไถ่ถอน เช่น 1 ปี 3 ปี ฯลฯ ซึ่งจะทำให้ตอนครบเวลาฝาก เราจะได้รับเงินก้อนที่เป็นเงินต้นที่ซื้อไว้คืนทั้งหมดรวมกับดอกเบี้ยตลอดระยะเวลาที่ฝากด้วย
เทคนิคที่ 2 หัดลงทุน
การลงทุนคือโอกาสที่ทำให้เงินที่มีอยู่งอกเงย ขึ้น มากกว่าดอ กเบี้ยเงินฝากประเภทต่างๆ ที่ต้องแลกมากับ ความเสี่ยงตามมาส่วนจะ
เสี่ยงมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับสินทรัพย์ที่ลงทุน ซึ่งปัจจุบัน มีการลงทุนที่หลากหลาย และเข้าถึงง่ายผ่านสมาร์ทโฟน โดยการลงทุนเบื้องต้น
ที่แนะนำสำหรับคนที่ไม่เคยลงทุนมาก่อน และต้องการเก็บเงินให้ค่อยๆ งอกเงย คือ กองทุนรวม กองทุนรวม คือ การใส่เงินลงทุน
เข้าไปในกองทุนที่คน มีผู้เชี่ยวชาญ หรือผู้จัดการกองทุน ช่วยบริหารจัดการให้ ตามนโยบายที่แจ้งไว้กับนักลงทุน
ซึ่งในแต่ละกองทุนก็จะไปลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ อีกทอดหนึ่งโดยส่วนใหญ่จะกระจายหลายสินทรัพย์
ซึ่งจะมีโอกาสได้รับผลตอบแทน 1-12เปอร์เซน ขึ้นอยู่กับสินทรัพย์ที่ลงทุน และปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ณ เวลาที่ลงทุน ซึ่งมีโอกาสปั้นเงิน
ก้อนให้ถึงเป้าที่ตั้งไว้ แบบออกแรงน้อยลง เช่น อยากมีเงิน 1 แสนบาท ใน 1 ปี หากออมเงินในกระปุก จะต้องเก็บเงิน
เฉลี่ยเดือนละ 8,333 บาท จึงจะครบแสน
แต่หากนำเงินไปลงทุนกองทุนรวม 1 ปี จะใช้เงินต้นที่น้อยลง เนื่องจากผลตอบแทนที่ได้รับจากการลงทุนจะเข้ามาเติมเต็ม เช่น
ถ้าเราล ง ทุ นในกองทุนเดือนละ 8,000 บาท แล้วได้รับผลตอบแทน เฉลี่ย 5เปอร์เซน ต่อปี ก็มีโอกาสจับเงิน 100,800* บาท
เนื่องจากมีดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น มา 4,800 บาทนั่นเอง
เทคนิคที่ 3 เก็บก่อนใช้
เทคนิคที่เหมาะสำหรับคน ที่เก็บเงินไม่อยู่เอามากๆ คือ การเก็บก่อนใช้ เพื่อให้เงินส่วนที่ต้องการเก็บไปอยู่ในที่ที่เราไม่เห็น
ไม่มีแรงกระตุ้น ในการใช้ เงินที่ไม่เห็น = เงินที่ไม่ได้ใช้ หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้คนใช้เงินเก่ง ไม่มีเงินเหลือเก็บตามเป้าหมาย
และรู้สึกว่าหาเงินเท่าไรก็ไม่พอเพราะหวังจะเก็บเงินที่เหลือจากการใช้จ่าย
แต่ความเป็นจริงสิ่งที่ควรทำคือหักเ งิ นที่ต้องการเก็บออกไปเป็นอันดับแรกหลังมีรายรับตามสมการ รายได้-เงินออม = รายจ่าย
การเก็บก่อนใช้ จะต้องมีกฎว่า ห้ามยุ่ง กับเงินก้อนนี้เป็นอันขาดจนกว่าจะเกิดเหตุการณ์ตามที่ตั้งเป้าห มายไว้ เช่น
ตั้งใจเก็บเงิน 100,000 บาท ในปลายปีนี้ ทุกครั้งที่มีรายได้จะหักเงิน 20-30เปอร์เซน ออกเพื่อเก็บทันทีก่อนนำไปใช้จ่าย
และจะไม่ยุ่งกับเงินก้อนนี้เลยจนกว่าจะถึงปลายปีและใช้ตามเป้าหมายที่คิดไว้ตอนแรกเท่านั้น อย่างไรก็ตามสามารถปรับลดเป้าหมาย
ต่ำลงตามรายได้และภาระที่มี แบบค่อยเป็นค่อยไป อาจจะเริ่มที่ปีละ 10,000 30,000 หรือ 50,000 บาทก่อนเพื่อฝึกวินัยก็ทำได้ตามสะดวก
ที่มา b a n g k o k b i z n e w s yindeeyindee