การไม่ยุ่งเรื่องของชาวบ้าน คือคนที่มีคนวามสุขที่สุด เอาเวลาตรงนั้น ไปทำประโยชน์อย่างอื่นดีกว่าจ้า
ยุคนี้ใคร ๆ ก็ชอบกินเผือก มีแต่คนที่สนใจเรื่องคนอื่น อยากรู้เรื่องคนอื่น น้อยคนที่รู้จักตัวเอง สนใจตัวเองมากเท่าการสนใจเรื่องคนอื่น
ซึ่งถ้าถามว่าการกระทำแบบนี้ผิดไหม ก็คงต้องบอกว่า “ไม่ผิด” แต่ถ้าว่าการกระทำแบบนี้ทำให้เจริญขึ้นไหม ก็คงต้องบอกว่า “ไม่”
แล้วแบบนี้เราจะไปยุ่งเรื่องคนอื่นเพื่ออะไร เพราะถ้ามัวแต่สนอกสนใจ อยากรู้อยากเห็นแต่เรื่องคนอื่น แล้วเรื่องของตัวเองจะมีเวลาสนใจ
ใส่ใจไหม ก็คงจะไม่..
การไม่ยุ่งเรื่องคนอื่นเป็นการอยู่ในศีลในธรรมอย่างหนึ่ง ซึ่งพระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก สอนเรื่องการไม่เข้าไปยุ่งเรื่องคนอื่นไว้ว่า..
“อย่ายุ่งกับเรื่องของคนอื่น ภาวนามาก ๆ ดูตัวเองมาก ๆ หลวงปู่ชา สุภัทโท วัดหนองป่าพง จ.อุบลราชธานี ท่านเคยบอกว่า
“ธรรมดาเราดูแต่คนอื่น 90 % ดูตัวเองแค่ 10 %” คือเราคอยดูแต่ความผิดของคนอื่น เพ่งโทษคนอื่น คิดแต่จะแก้ไขคนอื่น
ต้องกลับเสียใหม่นะ ดูคนอื่นเหลือไว้ 10 % ดูเพื่อศึกษาว่าเมื่อเขาทำอย่างนั้น คนอื่นจะรู้สึกอย่างไร เพื่อเอามาสอนตัวเองนั่นแหละ
แล้วเปลี่ยนมาดูตัวเอง พิจารณาตัวเอง 90 % จึงเรียกว่าปฏิบัติธรรมอยู่”
ส่วนหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ท่านก็ว่า “ยุ่งกับคนอื่นเท่าที่จำเป็น เรียนรู้กายใจตัวเองให้มาก เวลาทำงานต้องยุ่งกับคนก็ยุ่งไปตามหน้าที่
ยุ่งเท่าที่จำเป็น ถ้าไม่จำเป็น ไม่มีธุระอะไร ก็อย่าไปยุ่งกับคนอื่นเค้า คนที่ชอบไปยุ่งคนอื่น ภาวนาไม่ขึ้นหรอก เอาเวลามาเรียนรู้กาย เรียนรู้ใจตัวเองให้มากดีกว่า”
การใช้ชีวิตอยู่ในสังคมทุกวันนี้ทำให้เรามีแนวโน้มจะเป็นคนขี้เผือกมากขึ้น เพราะต้องพบปะผู้คน พูดคุยผูกมิตร ต้องทำงาน-เรียนร่วมกัน
ไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบ ฯลฯ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อสร้างมนุษยสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ทำให้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข แต่สิ่งต่าง ๆ
ที่หลายคนทำจนเป็นความเคยชินเหล่านี้ ก็อาจทำให้เผลอตัวไปยุ่งเรื่องชาวบ้านได้เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นเพราะหวังดีหรือหวังอะไรก็ตาม
อะไรที่ไม่ใช่เรื่องของเราก็อย่าไปยุ่งเป็นดีที่สุด
ทางที่ดีควรพยายามสนใจคนอื่นให้น้อย ใส่ใจตัวเองให้มาก โดยเฉพาะการกระทำของคนอื่นยิ่งต้องใส่ใจให้น้อย เขาจะทำอะไรก็เรื่องของเขา
ผิด-ถูกก็เป็นเรื่องของเขา และถึงแม้เขาจะทำไม่ดีกับเรา ก็ช่างเขา อย่าเอามาเป็นอารมณ์ที่เคียดแค้นใส่กัน
ยุ่งเฉพาะแค่เรื่องของตัวเองก็พอ ดูว่าตัวเองขาดอะไร ต้องพัฒนาอะไร เพราะไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการรู้จิตใจ
ตัวเองและทำให้ตัวเองมีความสุขอีกแล้ว..
คนเรานั้นมักมีหลายประเภทและจะมีอยู่ประเภทหนึ่งที่ชอบเรื่องของชาวบ้า น ชอบยุ่ง วุ่นว าย เรื่องของชาวบ้าน รู้หมดทุกเรื่อง คนประเภทนี้
จะชอบ มีความอยากรู้อยากเ็น เรื่องของคนอื่น โดยที่ไม่ต้องมีก็ได้ค่าจ้าง ชอบตำหนิ ว่าแต่คนอื่น และวันนี้เรามีบทความดีๆเกี่ยวกับการยุ่งเรื่องชาวบ้านกันคะ
การที่คุณอยากรู้เรื่องคนอื่น ให้ถามตัวเองก่อ นว่า รู้จริง แค่ไหน ถึงไปวุ่ นว า ย กับชีวิ ตคนอื่น บางคน ห ล ง ตัวเอง คิดว่าผ่านโล กม าเยอะ ตัวเองเก่ง ตัวเองรู้ทุกเรื่อง
ใครจะทำอะไร พูดอะไร รีบเสนอตัวเข้าไปก่อน
ทำตัวเป็น ผู้ พิ พ า ก ษ า ตัดสินว่าคนนั้น ผิ ด คนนี้ ถู ก ทั้งๆ ที่ไม่มีใครถาม ทุกคนมี เห ตุ ผ ล ส่ ว นตัว
ถ้าเราไม่ได้อยู่ ณ จุดนั้น ยิ่งไม่ควรพูดเยอะ บางทีตัวเองยัง ไม่รอ ด ดั นไปหาทางออก
ให้เรื่ องช า วบ้า น จะให้คำปรึ กษ า ต้องแน่ใจว่าเขาอย า กฟัง ไม่ใช่ไป วุ่ น ว า ย เรื่องค นอื่น
เพราะ แค่อย ากอ ว ดรู้ หรือ แค่อย ากรู้อย า กเห็น ยุ่ งเรื่องช า วบ้ าน โดยที่ไม่มีใคร ต้องการ เขาอาจไม่มองว่า เก่ง แต่จะมองว่า ยุ่ งไม่เข้าเรื่อง
พร่ำสอนคนอื่นไปเรื่อยเปื่อย ค อ ยตัดสินคนอื่นอยู่ตล อด ทำแบบนั้นผิด ต้องทำแบบนี้ถึงจะถู ก แต่ตัวเองยังไม่มีอะไรเป็นชิ้ นเป็ นอัน
บอกคนอื่นให้ทำตามอย่ างโน้ นอย่ างนี้ แล้วจะดี แต่ตัวเองกลับไม่ทำ หรือ ถ้าทำก็ทำตรงกันข้าม ถ้าอย ากให้ใครทำตาม จงทำให้สำเร็ จเป็นตั วอย่ าง
เพราะ การกระทำ นั้นเป็นแบบอย่ างที่ดี และ ชัดเจน มากกว่า คำพูด รู้ดีแค่ไหน ก็ไม่ควรไป วุ่ น ว า ย กับชีวิตคนอื่น
ขอบคุณที่มา narukdee