ในชั้นเรียน มีเด็กคนหนึ่ง ถูกเพื่อนแกล้งเอากระดาษที่เขียนว่า
“คนโง่” แปะไว้ที่หลัง และเพื่อนคนนั้นก็ห้ามไม่ให้ใครบอกเขา
ทุกคนในห้องต่างหัวเราะเยาะกันอย่างสนุกสนาน จนถึงคาบเรียนวิชาคณิตศาสตร์
คุณครูเขียนโจทย์ที่ยากบนกระดาน และถามหานักเรียนที่ตอบโจทย์นี้ได้
ซึ่งทุกคนก็เงียบ เว้นแต่เด็กที่ถูกเพื่อนแกล้งคนนั้น
เขาเดินไปหน้าชั้นท่ามกลางเสียงหัวเราะคิกคัก และได้แก้โจทย์ปัญหาจนเสร็จอย่างถูกต้อง
คุณครูจึงให้เพื่อน ๆ ปรบมือ พลางดึงกระดาษออกจากหลังให้ และพูดกับเขาว่า
“ดูเหมือนว่าเธอจะไม่รู้ว่าถูกเพื่อนแกล้ง และทั้งห้องที่เหลือ ก็ไม่มีใครบอกเธอเลยสินะ”
จากนั้นคุณครูก็พูดกับนักเรียนทั้งหมดว่า “ก่อนที่จะทำโทษพวกเธอ มี 2 อย่างที่ครูอยากจะฝากไว้”
อย่างแรก.. ในชีวิตของมนุษย์ มักจะมีคนคอยติดป้าย
ที่เขียนถึงเราในด้านลบลับหลังเสมอ เพื่อหยุดหรือชะลอความก้าวหน้าของเรา
ซึ่งบางครั้ง ถ้าเรารู้ตัว ก็อาจจะเสียกำลังใจ แต่ถ้าไม่.. เราก็จะไม่ใส่ใจในสิ่งนั้นเลย
เพราะฉะนั้น สิ่งที่พวกเธอควรทำ คือ ไม่ว่าคนอื่นจะติดยี่ห้อ ติดป้าย ติดฉลากให้ยังไงก็ตาม
จงอย่าใส่ใจ ก้าวต่อ เรียนรู้ และใช้ทุกโอกาสที่ได้รับ ทำในสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อพัฒนาตนเอง
อย่างที่สอง.. ดูเหมือนว่าในชั้นเรียนนี้ เธอไม่มีเพื่อนที่ซื่อสัตย์เอาเสียเลย
จึงไม่มีใครกล้าบอกเธอถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ดังนั้น จำนวนเพื่อนมากเท่าไหร่ จึงไม่ใช่สิ่งสำคัญ
แต่มันอยู่ที่ความจริงใจต่อกันระหว่างเพื่อนมนุษย์ นั่นคือ ประเด็นสำคัญมากกว่า
ถ้าหากในชีวิตไม่มีเพื่อนที่จะปกป้อง ดูแล ใส่ใจ และช่วยเหลือคุณในยามลำบาก การอยู่ลำพังถือเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า
ส่วนผู้ที่มักใส่ร้ายป้ายสีคนอื่น ติดยี่ห้อ รายละเอียดเสียหาย ทั้งที่จริงและไม่จริงใส่ลงไป
และยังไม่ใช่หน้าที่ของตน ขอจงหยุดพฤติกรรมที่ทำร้ายผู้อื่นลับหลังแบบนี้
เพราะนอกจากจะเสียเวลา เป็นบาปกรรมต่อเพื่อนมนุษย์แล้ว มันจะไม่มีวันทำให้ชีวิตคุณสูงส่งและสงบสุขได้เลย
ที่มา Fwline