Home ข้อคิดดีๆ (นิทานสอนใจ) อย่าทำตัวเป็น”ม้าพันลี้”

(นิทานสอนใจ) อย่าทำตัวเป็น”ม้าพันลี้”

16 second read
ปิดความเห็น บน (นิทานสอนใจ) อย่าทำตัวเป็น”ม้าพันลี้”
0
6,632

ในดินแดนแสนห่างไกล มีม้าหนุ่มตัวหนึ่ง ที่มีร่างกายกำยำ แข็งแรง ดูสง่างามความสามารถของม้าตัวนี้

สามารถวิ่งได้ระยะทางถึงพันลี้โดยที่ไม่ต้องหยุดพัก และไม่มีเหนื่อยเลยจึงทำให้เป็นที่หมายปองของหลายๆคน

 

ที่อย ากจะเป็นเจ้าของมันแต่ม้าตัวนี้ก็ไม่ยอมให้ใครขี่เลย เพราะมันกำลังรอผู้ที่เพียบพร้อม เหมาะที่จะขี่มันอยู่

ในช่วงเวลาที่ม้ากำลังมองหาผู้ที่มันคิดว่าเหมาะสมจะขี่มันได้นั้นก็มีผู้คนจำนวนไม่น้อย

ที่เข้ามาหาม้าตัวนี้เพื่อจะขี่มัน

 

พ่อค้า ได้เข้ามาหาม้า และถามมันว่า..“เจ้าอยากจะไปกับข้าหรือไม่…ข้ามีน้ำมีอาหารให้กินไม่ขาดนะ”

ม้าพันลี้ได้แต่ส่ายหัว และตอบกลับไปว่า..“ม้าดีๆแบบข้า ไม่ไปกับพ่อค้า ที่ใช้ข้าไปส่งของเฉยๆหรอกนะ”

ทหาร ได้เข้ามาหาม้า และถามมันว่า..“เจ้าอยากจะไปกับข้าหรือไม่…เจ้าจะได้เป็นม้าคู่กายทหารเลยนะ”

 

ม้าพันลี้ได้แต่ส่ายหัว และตอบกลับไปว่า…“ม้าดีๆแบบข้า ทำไมข้อต้องไปรับใช้ทหารธรรมดาแบบเจ้าด้วย”

นายพราน ได้เข้ามาหาม้า และถามมันว่า.. “เจ้าอยากจะไปกับข้าหรือไม่..”ม้าพันลี้ได้แต่ส่ายหัว และตอบกลับไปว่า..

 

“ม้าดีๆแบบข้า ทำไมต้องไปรับใช้นายพรานแบบเจ้าด้วย”ไม่ว่าใครจะเข้ามาหา ชักชวนยังไง

ม้าพันลี้ก็ไม่ตอบตกลงไปกับใครเลย

 

เวลาก็ผ่านล่วงเลยไปหลายปี แต่ม้าพันลี้ก็ยังหาเจ้าของที่ถูกใจมันไม่ได้สักทีจนเมื่อข่าวความเก่ง

และความสามารถของม้าพันลี้

 

เข้าไปถึงในวัง และไปถึงหูของพระราชาพระราชาจึงได้ออกรับสั่งให้ขุนนางรีบไปตามหาม้าพันลี้ตัวนี้

เพื่อมาเป็นพาหนะคู่กายของพระราชาขุนนางจึงออกเดินทาง และได้ตามหาม้าพันลี้ตัวนี้จนพบ

 

และได้แนะนำตัวเองกับม้าพันลี้ เมื่อม้าพันลี้รู้ว่า คนที่มาหาตน เป็นถึงขุนนาง

ชั้นสูงและจะได้ไปเป็นพาหนะคู่กายของพระราชา

 

ก็ดีใจมากและตัดสินใจที่จะไปกับขุนนางในทันที เพราะม้าพันลี้ได้เจอกับคนที่เหมาะสมจะขี่มันแล้ว

แต่ก่อนที่จะได้กลับไปวัง ขุนนางจึงได้ถามม้าพันลี้ว่า “เจ้าเชี่ยวชาญเส้นทางแถบนี้มากแค่ไหน”

 

ม้าพันลี้ตอบว่า ” ไม่เลย..เพราะข้าไม่เคยเดินทางไปไหนนานมากแล้ว “ขุนนางจึงถามต่อว่า ” เจ้าเคยมีประสบการณ์

ในการสู้สมรภูมิรบบ้างไหม “ม้าพันลี้ตอบว่า ” ไม่เลย..เพราะข้าไม่ยอมรับใช้ทหารธรรมดาๆหรอก “ขุนนางจึงถามต่อว่า ”

 

งั้น…เจ้าเคยเข้าป่าไหม บางครั้งพระราชาก็ชอบไป ล่ า สั ต ว์ นะ “ม้าพันลี้ตอบว่า ” ไม่เลย..ข้าไม่ใช่ม้าธรรมดา

ข้าไม่ยอมไปให้นายพรานใช้งานหรอก “ขุนนางมองม้าพันลี้ด้วยความสงสัย ว่าทำไมม้าตัวนี้

 

ถึงมีชื่อเสียงไปไกลถึงในวัง ทั้งๆที่ไม่มีความสามารถอะไรเลยขุนนาง เลยพูดขึ้นว่า ” เจ้าไม่เคยทำอะไรมาเลย…

แล้วข้าจะเอาเจ้าไปใช้ประโยชน์อะไรได้อีก “ม้าพันลี้บอกว่า “ข้าวิ่งเวลากลางวันได้ วันละ พันลี้ กลางคืน แปดร้อยลี้ “

 

ขุนนางจึงเปรยไปว่า “ถ้างั้น เจ้าก็ลองวิ่งให้ข้าดูหน่อย ถ้าเจ้าวิ่งได้เร็วสมคำล่ำลือ ข้าจะพาเจ้ากลับวัง “

ม้าพันลี้จึงเริ่มออกวิ่งด้วยความมั่นใจ และดีใจที่จะได้โชว์ความสามารถของตัวเองให้คนอื่นได้ดูสักที

 

แต่เมื่อเริ่มออกวิ่งไปได้ไม่นาน ม้าพันลี้ก็เริ่มเหนื่อย หมดแรงซะแล้วขุนนาง จึงพูดขึ้นว่า

“เมื่อก่อนตอนหนุ่ม..เจ้าคงจะเก่งมากจริงๆตามที่คนล่ำลือกันไว้ แต่ตอนนี้เจ้าแก่แล้ว ไม่ไหวแล้วถ้าข้าเอาเจ้าไป

คงใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้อีกแล้ว

 

ข้าว่าเจ้าคงไม่ใช่ม้าที่ข้าตามมาหาแล้วล่ะ“เมื่อพูดจบขุนนางก็ขึ้นควบม้าตัวเดิม แล้วจากไปทันที

ทิ้งให้ม้าพันลี้ยืนหอบหายใจไม่ทันหาย

 

ข้อคิดของเรื่องนี้ สอนให้เรารู้ว่า….อย่าหลงทะนงตน อย่าคิดว่าตนเก่งอยู่ค้ำฟ้าตลอดคนเรามีนำหน้า ก็ต้องมีถอยหลัง

หากเราคิดว่าตัวเองเก่ง และหยุดที่จะพัฒนา หรือหาความรู้มาเพิ่มเราก็จะกลายเป็นคนที่ถอยหลัง

และคนอื่นจะแซงหน้าเราไปทีละก้าว

 

มีความมั่นใจเป็นเรื่องที่ดี…แต่อย่าถือทะนงตน จนเกินไปเมื่อใดที่คิดว่าตนเองสุดยอด…จนไม่เห็นใครอยู่ในสายตา

เมื่อนั้นความ ห า ย น ะ จะมาเยือนเพราะเราจะหยุดพัฒนาตนเอง…จนมีแต่ทรงกับทรุด เท่านั้นเอง

 

“อย่ าประมาทในการดำเนินชีวิต

การชิงช่วงและช่วงชิงมีอยู่ตลอดเวลา

ต้องรักษาใจให้ใสๆให้ได้

จะได้ไม่พลัดไปในอบาย”

 

ขอบคุณ : r u g y i m

Load More Related Articles
Load More By Young Hug Phai Eek Dai Bor
Load More In ข้อคิดดีๆ
Comments are closed.

Check Also

จังหวะชีวิต ของแต่ละ ค น มักจะไม่เหมือนกัน

บางคนเรียนจบตอนอายุ 22 ปี.. แต่ต้องรออีก 2 ปี ถึงจะหางา … …