1. สำรวจตัวเองว่ามีอะไรที่โดดเด่น
ขั้นแรกของการเป็นนายตัวเอง ก็ต้องเริ่มจากสำรวจตัวเอง และอย่ าคิดว่าเราเป็นคนไม่มีอะไรดี
ไม่มีอะไรโดดเด่น การทำธุรกิจของตัวเอง ที่จะสำเร็จได้มาจาก 3 แนวทางคือ เป็นธุรกิจที่ตัวเองรัก
เป็นสิ่งที่เราถนัด สุดท้ายเป็นสิ่งที่เราทำแล้วรู้สึกมีความสุข ให้สำรวจตัวเองว่าสิ่งนั้นคืออะไร
และเริ่มทำจากสิ่งนั้นซึ่งจะมีโอกาสประสบความสำเร็จ ได้ง่ายกว่าการทำตามคนอื่น
แม้สิ่งที่เราถนัดอาจจะดูเป็นเรื่องเล็ก ๆ แต่ถ้าเราชอบและใจรักกับสิ่งนั้นจริง ๆ
เชื่อว่าเราจะทำให้มันกลายเป็นธุรกิจที่ยิ่งใหญ่ได้ในอนาคต
2. ตั้งเป้าชีวิตว่าเราอย ากมีอะไร
ขั้นต่อมาหลังจากสำรวจตัวเองก็ต้องตั้งเป้าหมาย ให้รู้ว่าอนาคตข้างหน้าเราต้องการจะมีอะไรบ้าง
หลายคนที่ทำอะไรไม่สำเร็จใช่ว่าเขาไร้ความสามารถแต่ เพียงเขายังไม่มีเป้าหมายในชีวิตที่ชัดเจนมากพอ
ทางที่ดีเราต้องตั้งเป้าในชีวิตว่าอีก 5-10 ปีข้างหน้าเราจะเป็นอย่ างไร เราจะมีอะไร
วางแผนให้ชัดเจนและมองหาคนที่ประสบความสำเร็จ ในแบบที่เราต้องการ หามาเพื่อถามเขาว่า
เขาทำอย่ างไรถึงประสบความสำเร็จได้เช่นนี้ การตั้งคำถามกับคนที่สำเร็จแล้วไม่ใช่เรื่องน่าอาย
และคนที่กล้าถามส่วนใหญ่ก็มักจะเดินไปตามทางที่แนะนำซึ่งก็ทำให้ประสบความสำเร็จได้เช่นกัน
3. มีเป้าหมายก็ต้องลงมือทำ
หลายคนบอกว่าอย ากทำธุรกิจ ต้องลองล้ มเหลว ทำให้คำว่าล้ มเหลวกับการทำธุรกิจดูจะเป็นของคู่กัน
ในทางกลับกันก็เหมือนการสร้างกำแพง ให้เรากลัวและไม่กล้าทำ คิดได้แต่ไม่ทำ
ก็ไม่ต่างจากคนมีรถแล้วไม่ได้ขับสุดท้ายก็ไปถึงเป้าหมายที่ต้องการไม่ได้แน่
ดังนั้น เลิกที่จะกลัวและกล้าที่จะก้าวใครจะไปรู้ว่าธุรกิจแรกที่เราทำอาจกลายเป็นธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ
แบบสุดโต่งในทันที หรือถ้ามันล้ มเหลวจริงตามที่เขาพูดกันก็ไม่ได้หมายความชีวิตเราจะจบไปด้วย
เรายังเหลือประสบการณ์ที่ได้ลงมือทำเอาสิ่งเหล่านั้น มาปัดฝุ่นเริ่มต้นใหม่ยังไง
ก็สำเร็จได้ช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับวิ ธีคิดของเราล้วน ๆ
4. ฝึกแก้ปัญหาให้กับคนอื่น
ธุรกิจคือการแก้ไขปัญหา คำว่าลูกค้าคือพ ระเจ้า ก็น่าจะเป็นคำอธิบายที่เห็นภาพได้ชัดเจนที่สุด
แม้บางครั้งเราจะรู้สึกหงุดหงิด รำคาญใจไปกับส ารพัดอ ารมณ์ของบรรดาลูกค้า
ที่ส่วนมากมีทั้งดีและไม่ดีในการทำงานประจำหากเรามีพื้นฐานในการติ ดต่อกับลูกค้า
และต้องคอยรองรับอ ารมณ์แก้ไขปัญหาเหล่านี้ ถือว่าเป็นพื้นฐานอันดีที่บอกว่าเราสามารถเป็นนายตัวเอง
ในอนาคตได้แน่ แต่ถ้าใครยังไม่มีประสบการณ์ด้านนี้และคิดว่าไม่อย ากมี ขอแนะนำให้ฝึกสกิลด้านนี้ไว้ด่วน ๆ
เพราะการทำธุรกิจเราต้องเอาใจลูกค้าแต่ถ้าบอกว่าไม่ก็คงจะเริ่มการเป็นนายตัวเองได้ย ากเต็มที
5. ฝึกบริหารการเงิ นเริ่มตั้งแต่ตอนเป็นมนุษย์เงิ นเดือน
สิ่งสำคัญในการเป็นเจ้าของธุรกิจคือ ต้องรู้จักบริหารการเงิ นให้เป็นระบบ ยิ่งถ้าการทำธุรกิจของเรานั้นมีกำไรมาก
ก็หมายถึงจะมีเ งินหมุนเวียนเข้ามามาก และถ้าเราบริหารจัดการไม่เป็นเราก็อาจทำให้เ งินที่มากมายนั้น
กลายเป็นเรื่องไร้ค่าที่ไม่มีความหมายต่อการทำธุรกิจได้ ถ้าตอนนี้เราเป็นมนุษย์เงิ นเดือนที่เงิ นเดือนไม่มาก
แต่เรามีความสามารถด้านการบริหารการเงิ นให้เกิดประโยชน์ได้สูงสุดเชื่อว่าคุณก็เป็นคนหนึ่ง
ที่พร้อมจะก้าวไปเป็นนายตัวเองได้แล้วแต่ใครที่เ งินเดือนสูงแต่บริหารเ งินไม่ได้ไม่มีเงิ นเหลือเก็บ
ควรรีบฝึกเรื่องนี้โดยด่วนเพราะส่อแววไม่ดีแน่หากไปเริ่มทำธุรกิจ
6. ทำทั้งงานหลักและงานเสริมควบคู่กันไป
ไม่แนะนำว่าหากใครไม่มีเงิ นทุนมากพอแล้ว จะหักดิบออกมาตั้งธุรกิจตัวเอง ทางที่ดีในขณะที่เราเป็นมนุษย์เงิ นเดือน
เราก็สามารถเริ่มต้นการทำอาชีพเสริมของเราได้ และอาชีพเสริมของเราในวันนี้ ก็คือธุรกิจที่พร้อมจะเติบโตในวันหน้า
เป็นการปูรากฐานรองรับอนาคตของตัวเองเอาไว้ และค่อย ๆ สร้างให้ธุรกิจตัวเองเติบโตไปทีละเล็กละน้อย
สะสมประสบการณ์ที่ดีควบคู่กันไปในสักวันที่เราต้องออกมาบริหารเต็มตัวรับรองว่ามั่นคงแข็งแรงแน่ ๆ
7. สร้าง Connection ระหว่างทำงานประจำให้ดี
ข้อดีของการทำงานประจำ ก่อนออกมาลุยธุรกิจตัวเองคือการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในด้านต่าง ๆ ในระหว่างที่ทำงานอยู่
โดยธุรกิจที่เราทำอาจไม่ใช่ธุรกิจเดียวกับที่เราทำงานแต่หลายอย่ างก็สามารถเชื่อมโยงกันได้ เช่น การทำกราฟฟิค
การติ ดต่อลูกค้า รายชื่อลูกค้า หรือว่าการรู้จักกับนักธุรกิจคนอื่น ๆ เป็นการส่วนตัว เรื่องเหล่านี้มีประโยชน์มาก
หากเราก้าวออกมาทำธุรกิจตัวเอง เราก็จะตั้งหลักกับธุรกิจของเราได้ง่ายขึ้นผ่ าน Connection ที่เราสร้างไว้ระหว่างการทำงานประจำ
8. รู้จักการพรีเซนต์ตัวเองมากขึ้น
การขายตัวเองคือการเปิดโอกาสให้คนอื่นได้เรียนรู้ สินค้าหรือบริการของเรา เรากำลังพูดถึงแนวทางการตลาดอีกรูปแบบหนึ่ง
ที่ทำให้คนรู้จักตัวตนของเรามากขึ้นในระหว่างที่เรากำลังเริ่มต้นธุรกิจ นั้นหมายถึงการใช้โซเชี่ยลให้เกิดประโยชน์
ไม่ว่าจะ เฟซบุ๊ก อินสตราแกรม หรือว่ายูทูป เราสามารถโพสต์สิ่งที่เป็นตัวตนของเราลงไป เน้นว่าให้ทำอะไรในทิศทางเดียวกัน
เช่น เรามีธุรกิจร้านสัตว์เลี้ยง เราก็อาจโพสต์รูปที่เกี่ยวกับการดูแลสัตว์ การรั กษาสัตว์ การเอาใจใส่
ตลอดจนข่าวอัปเดตในวงการสัตว์เลี้ยงต่าง ๆ เพื่อสะท้อนตัวตนว่าเราเป็นคนรักสัตว์ ซึ่งจะทำให้ภาพลักษณ์สินค้าของเราดูชัดเจนยิ่งขึ้น
ขอบคุณที่มา : sabailey