Home ข้อคิดดีๆ บทเรียนชีวิต น่าจะรู้เร็วกว่านี้

บทเรียนชีวิต น่าจะรู้เร็วกว่านี้

7 second read
ปิดความเห็น บน บทเรียนชีวิต น่าจะรู้เร็วกว่านี้
0
309

1. สุ ขภาพที่ดีคือสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต

ในตอนนี้ถ้าถามตัวเองว่าอะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต คำตอบเราคงจะไม่พ้นเรื่องของเงิ นท อง

หรือเรื่องของการประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน แต่เมื่อเวลาผ่ านไปสิบปี

คำตอบของเราก็คงจะไม่เป็นเช่นนี้ แต่คำตอบของเราก็คงจะหนีไม่พ้นการมีสุ ขภาพดี ไม่เจ็ บป่ วยใด ๆ มหาตมะ คานธีบอกไว้ว่า

“ความมั่งคั่งที่แท้จริงคือการมีสุ ขภาพที่ดี มิใช่การมั่งมีเงิ นท อง” การรั กษาสุ ขภาพเป็นการลงทุนระยะย าวที่เห็นผลที่สุด

คุ้มค่าและเป็นประโยชน์ต่อตัวเองที่สุด เพียงรั กษาความสมดุลของชีวิตในการทำงานและเวลาส่วนตัว หาเวลาออกกำลังกาย

รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ ทาครีมกันแดดเป็นประจำ เมื่อเรามีสุ ขภาพที่ดี

เราจะมีพลังทำในสิ่งที่เราอย ากทำ ไม่มีอุปสรรคในการทำงาน และยังสามารถท่องเที่ยวได้อย่ างไม่มีข้อจำกัด

 

2. เราไม่ได้เผชิญปัญหาอยู่คนเดียว ทุ กคนต่างมีปัญหาเป็นของตัวเอง

คนเรามีนิสัยชอบเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น และบ่อยครั้งที่รู้สึกว่าเราสู้คนอื่นไม่ได้ เรามักคิดว่าปัญหาตัวเอง

เป็นปัญหาที่ยิ่งใหญ่กว่าคนอื่นเสมอ เน้นย้ำและให้ความสำคัญกับมันมากเกินไปจนลืมว่าคนอื่นก็พบเจอปัญหา

เช่นเดียวกับเราทุ กคนต่างมีปัญหาเป็นของตัวเอง เราไม่ได้เผชิญปัญหาอยู่คนเดียวบนโลกเราต่างมีความไม่มั่นคงในชีวิต

ความกลัว ความกังวล หยุดคิดว่าตัวเองแ ย่กว่าคนอื่น หยุดเอาปัญหาวางไว้จุดศูนย์กลางของชีวิต

หยุดวิพากษ์วิจารณ์ชีวิตตัวเองโดยนำคนอื่นมาเปรียบเทียบ เพราะสถานการณ์ของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน

สิ่งที่ควรทำคือเรียนรู้ เข้าใจ และจดจำ จากประสบการณ์ที่ได้ผ่ านมันมา

 

3. การแก้ปัญหาที่ดีที่สุดคือจัดการต้นตอปัญหา ไม่ใช่ซุกไว้ใต้พรม

“ตราบใดที่คุณยังไม่รั กษารากของปัญหา ความเจ็ บป วดจะไม่หายไป คุณซ่อนมันได้

แต่ปัญหามันจะยังอยู่ถ้าเกิดคุณไม่ขุดมันขึ้นมา” เมื่อปัญหาเดิม ๆ ที่เกิดขึ้นไม่หายไปสักที

อาจเป็นเพราะเรากำลังหลอกตัวเอง คิดว่าไม่เป็นไรหรอก มันไม่ได้สำคัญอะไร การซุกปัญหาไว้ใต้พรมเช่นนี้

เป็นเพียงการแก้ปัญหาระยะสั้นเท่านั้น แต่ในที่สุดมันจะเกิดขึ้นอีก มันจะเป็นเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ

จนกว่าเราจะเจอต้นตอปัญหาที่แท้จริง ดังนั้น ถ้าหากเกิดปัญหาขึ้น เราอาจทิ้งมันไว้สักพักหนึ่ง

เพื่อให้เวลาตัวเองหาวิ ธีแก้ไข แล้วลงมือแก้มันทันทีเมื่อพร้อม อย่ าหมกไว้จนมันบานปลายกว่าเดิม

 

4. มิตรภาพ ระหว่างเพื่อน มีเริ่มต้นและต้องจบลงในสักวัน

ชีวิตคือการเปลี่ยนแปลง สิ่งต่าง ๆ เกิดขึ้นเพียงช่วงเวลาหนึ่งของชีวิตเท่านั้น เพื่อนในชีวิตเรา

จะเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพแวดล้อมการใช้ชีวิต ช่วงอายุ เพราะฉะนั้นเป็นเรื่องธรรมชาติ

ที่คนในชีวิตเราจะหายไปบ้าง บางคนอาจจะเข้ามาและจากไป ไม่ว่าเหตุผลของการจากไป

จะเป็นอะไรก็ตาม ขอให้รู้ว่าการเปลี่ยนแปลงจะทำให้เราเติบโต ขอให้มีความสุขกับปัจจุบัน

อย่ าฟูมฟายเมื่อความสัมพันธ์จบลง และยิ้มอย่ างยินดีเมื่อมิตรภาพใหม่เริ่มต้นขึ้น

 

5. การรับรู้เรื่องราวชีวิตของคนอื่นให้พอดีจะทำให้เรามีความสุขขึ้น

ยิ่งเรารับรู้เรื่องของคนอื่นมากเท่าไหร่ เราจะยิ่งรู้สึกแ ย่กับชีวิตมากเท่านั้น เพราะเราจะเกิดคำถามในหัวอยู่บ่อยครั้งว่า

ทำไมชีวิตคนนี้ดูมีความสุขจัง ทำไมเราถึงเป็นแบบเขาไม่ได้นะ อย่ างแรกเราต้องเข้าใจว่าชีวิตในโลกโซเชียลมีเดีย

ที่เราเห็นอาจไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต เราเห็นเพียงส่วนหนึ่งของความสุข ความสำเร็จ เห็นด้านที่คนอื่นอย ากให้เห็นเท่านั้น

และสิ่งที่เราเห็นอาจไม่ใช่สิ่งที่เป็นก็ได้ ดังนั้น การรับรู้เรื่องราวชีวิตของคนอื่นอย่ างพอดี จะทำให้เราไม่นำตัวเอง

ไปเปรียบเทียบและมีความสุขขึ้น เปลี่ยนข่าวส ารที่เปรียบเทียบแล้วบั่ นทอนจิตใจเป็น ‘รับรู้’

เพื่อใช้มันเป็นแรงบันดาลใจในการพัฒนาตัวเองดีกว่า

 

6. หมั่นหาความรู้ในสิ่งที่ยังไม่เคยรู้ เพื่อเพิ่มพูนทักษะใหม่ ๆ

ขงจื๊อกล่าวว่า “รู้ว่าตนเองมีสิ่งใดที่รู้และมีสิ่งใดที่ยังไม่รู้ สิ่งนี้คือความรู้ที่แท้จริง” การเรียนรู้ การบ่ มเพ าะประสบการณ์

จะทำให้เราก้าวไปสู่ความสำเร็จในชีวิต เราสามารถเพิ่มพูนความรู้ผ่ านการอ่ านหนังสือ ผ่ านการท่องเที่ยว

หรือผ่ านการพูดคุยกับผู้ที่มีประสบการณ์ วิ ธีทำให้ตัวเองเก่งขึ้นคือการพาตัวเองไปอยู่สถานที่ใหม่ ๆ

จะทำให้เราได้ลองอะไรใหม่ ๆ ออกจากเซฟโซน การทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อนจะทำให้เรารู้ว่า

อะไรเป็นไปได้สำหรับเราบ้าง ดีกว่าการยึดติ ดกับชีวิตเดิม ๆ ที่ไม่มีวันได้ก้าวไปข้างหน้า

 

7. ปล่อยวางอดีตและใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบัน

เราอาจเข้าใจว่า ชีวิตจะดีขึ้นก็ต่อเมื่อบ าดแผ ลจากอดีตหายไปเราจึงให้ความสำคัญกับสิ่งที่ผ่ านมาแล้ว

แต่ตราบใดที่เรายัง ‘รู้สึก’ กับเรื่องราวในอดีต เราจะไม่มีวันอยู่กับปัจจุบันได้เลยนั่น เพราะเมื่อเวลาผ่ านไป

ความทรงจำที่เป็นข้อเท็จจริงจะค่อย ๆ หายไป แต่ความรู้สึกที่มีต่อสิ่งนั้น ความรู้สึกขณะนั้นยังคงอยู่

เช่น ความทรงจำเมื่อไปคอนเสิร์ตเมื่อสองปีก่อน เราจำไม่ได้หรอกว่ามีเพลงกี่เพลงที่นำมาแสดงบ้าง

จำเวลาที่เริ่มงานไม่ได้ มีเพียงความทรงจำที่เลือนรางเท่านั้น แต่เราจำความรู้สึกนั้นได้

ความสุข ความตื่นเต้นมันยังประทับอยู่ในใจเราเสมอ เพราะอ ารมณ์มีผลมากกว่าที่เราคิด

มันฝังแน่นอยู่ในใจเราจนทำให้เราเดินออกมาจากอดีตไม่ได้ อย่ าให้ความรู้สึกในอดีตมีอิทธิพลต่อความสุขในปัจจุบัน

การอยู่กับปัจจุบันจะเป็นตัวกำหนดอนาคตของเรา เมื่อเราละทิ้งสิ่งต่าง ๆ ที่ผ่ านมา

ใช้ชีวิตอยู่กับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า สิ่งนี้จะทำให้เราได้เริ่มต้นใหม่เพื่อปูทางไปสู่อนาคตที่เราสามารถควบคุมได้

 

8. เราไม่สามารถควบคุมทุ กอย่ างในชีวิต แต่เราสามารถเลือกสิ่งที่เราสามารถควบคุมได้

ความพย าย ามไม่ใช่ตัวกำหนดความสำเร็จของเรา แต่เป็นสภาพแวดล้อมที่เราอาศัยอยู่ต่างหาก

ไม่ว่าจะเป็นคนที่คบหา ค่านิยม งานอดิเรก เวลาที่ใช้ไปแต่ละวันล้วนเป็นตัวกำหนดความสำเร็จของเรา

ในวันที่เราเจออุปสรรคและค้นพบว่าสภาพแวดล้อมนี้เป็นกรงขังที่ทำให้ชีวิตเราไม่ไปไหนสักที

อย่ าพย าย ามเอาชนะในสิ่งที่เราไม่มีวันชนะมันได้ ดึงดันไปกับสิ่งที่อยู่เหนือการควบคุมนั้นไม่มีประโยชน์

แต่ให้หันมาเปลี่ยนสภาพแวดล้อมให้สอดคล้องกับความต้องการ แล้วในที่สุดมันจะอยู่ใต้การควบคุมของเราเอง

 

9. ความคิดและทัศนคติมีพลังเปลี่ยนแปลงตัวเองมากกว่าการกระทำ

ความคิดและทัศนคติเป็นพลังขับเคลื่อนเปลี่ยนแปลงทุ กอย่ างบนโลกใบนี้

รวมถึงตัวเราเองด้วย บางคนเชื่อว่าตัวเองมีความสามารถพอที่จะทำงานชิ้นนี้ได้ สิ่งที่ตามมาคือความพย าย าม

ฝึกฝนจนกว่ามันจะสำเร็จ เพราะคนเหล่านี้เชื่อในพลังของตัวเอง เชื่อว่าโลกใบนี้สามารถเปลี่ยนแปลงได้

ถ้าเราเปลี่ยนความคิด แต่สำหรับบางคนที่คิดว่าตัวเองไม่เก่ง ไม่มีความสามารถพอ หยุดนิ่งอยู่กับที่ไม่เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ

สุดท้ายคนที่มีความคิดเช่นนี้จะไม่ได้ทำอะไรเลย และถึงทำผลลัพธ์ที่ออกมามักจะไม่ใช่ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

เพราะคนเหล่านี้ใช้ความพย าย ามเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งความจริงคนเหล่านี้อาจจะมีความสามารถมากกว่าที่ตัวเองคิดก็ได้

เพราะความคิดและทัศนคติเป็นตัวผลักดันที่สำคัญที่สุดที่ทำให้เกิดการลงมือทำ ทำให้กระบวนการทำงาน

และผลลัพธ์เกิดขึ้นและเปลี่ยนแปลง เมื่อเราเปลี่ยนความคิด ชีวิตเราจะเปลี่ยนแปลงไปด้วย

 

10. ทุ กช่วงเวลาเป็นสิ่งมีค่า อย่ าปล่อยให้เวลาผ่ านไปเฉย ๆ

ผู้ที่ประสบความสำเร็จจะคิดว่าทุ กช่วงเวลาเป็นสิ่งมีค่า คนเหล่านี้จะไม่เฝ้ารอให้โอกาสมาถึงแต่เดินไปหาโอกาส

คนเหล่านี้จะตัดสินใจเริ่มทำทันที เรียนรู้ไปกับก้าวเดินที่มาพร้อมกับอุปสรรคมากกว่ารอให้ถึงช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด

หลายคนคิดว่าเรามีเวลาทั้งชีวิตที่สามารถทำอะไรก็ได้ เราลังเล ผัดวันประกันพรุ่ง หาข้ออ้างต่าง ๆ นานา

จนสุดท้ายไม่สามารถทำสิ่งที่ตั้งเป้าไว้ให้เสร็จได้ปัญหาคือการที่เราคิดว่าเรา ‘มีเวลา’ เป็นตัวการ

ที่จะทำให้เราไม่ได้ทำอะไรเลย เพราะเราคิดว่ามีเวลา จะทำเมื่อไหร่ก็ได้ ฉะนั้น หันกลับมาให้คุณค่ากับทุ กช่วงเวลา

จะเป็นโอกาสที่จะทำให้เราบรรลุในสิ่งที่ตั้งเป้าไว้ได้เร็วและมีประสิทธิภาพ

 

ขอบคุณที่มา : forlifeth

Load More Related Articles
Load More By erz
Load More In ข้อคิดดีๆ
Comments are closed.

Check Also

ตัวเราก็มีค่า ในแบบตัวเรา

เมื่อชีวิตต้องพบ กับความผิดหวัง แพ้พ่าย เสี ยใจ การมีใค … …