1. ปลุกลูกไปโรงเรียนตอนเช้าทุ กวัน
เรียกได้ว่ากิจวัตรประจำวันของคุณแม่ที่ต้องทำทุ กเช้า คือการปลุกลูกเพื่อไปโรงเรียน
ซึ่งความจริงแล้วคุณพ่อคุณแม่ควรฝึกลูกให้ตั้งนาฬิกาปลุกและจัดสรรเวลานอนให้เหมาะสม
เพื่อให้เขาได้เรียนรู้ที่จะจัดการกับตารางชีวิตของตัวเอง
2. ทำอาหารเช้าหรืออาหารกลางวันให้
คุณแม่หลายคนอาจเป็นห่วงว่าลูกจะทานอาหารไม่อิ่มและได้รับส ารอาหารไม่ครบถ้วน
จึงต้องเตรียมอาหารให้ลูกทุ กวัน ถ้าคุณอย ากให้ลูกโตเป็นผู้ใหญ่ซะที
คุณก็ควรให้เขาทำอาหารเองค่ะ ถ้าเขาทำไม่เป็นคุณแม่อาจจะต้องสอนลูกก่อนสักหน่อย
3. นำของที่ลูกลืมไปให้ถึงที่โรงเรียน
การที่ลูกโทรมาเพื่อบอกให้คุณพ่อคุณแม่นำเอาสิ่งของที่ลืมไปส่งที่โรงเรียน
โดยที่คุณก็ทำตามที่ลูกสั่งทุ กครั้ง ซึ่งนั่นอาจทำให้ลูกกลายเป็นเด็ กที่ไม่รอบคอบได้
ดังนั้นเมื่อลูกโทรมาเพื่อให้คุณพ่อคุณแม่ทำแบบนั้นอีก โดยที่ของชิ้นนั้นไม่ได้มีความสำคัญ
ถึงขั้นคอข าดบ าดต ายอะไร ก็ควรบอกปัดเพื่อให้ลูกรู้จักมีความรอบคอบมากขึ้น
และตรวจความเรียบร้อยของสิ่งของเครื่องใช้ที่ต้องเอาไปโรงเรียนก่อนออกจากบ้านทุ กครั้ง
4. ซักเสื้อผ้าให้ลูก
เมื่อลูกโตพอที่จะทำงานบ้านได้แล้ว แต่คุณพ่อคุณแม่ไม่เคยฝึกหรือให้ลูกได้ทำด้วยตัวเอง
และการที่คุณแม่ซักเสื้อผ้าให้ลูกทุ กวันอาจทำให้เด็ กเคยตัวและเป็นคนไม่มีวินัยในตัวเอง
หรือความรับผิดชอบ ดังนั้นหากเด็ กอยู่ในวัยที่พอเรียนรู้และทำอะไรด้วยตัวเองได้แล้ว
คุณแม่ก็ควรสอนลูกถึงวิ ธีการใช้เครื่องซักผ้าหรือการซักผ้าด้วยมือ เพื่อที่เขาจะได้ฝึกทำมันด้วยตัวเอง
5. ไม่ยอมปล่อยให้ครูมาว่ากล่าว ตักเตื อน หรือตีลูก
ถ้าลูกมาฟ้องคุณว่าถูกครูตีหรือว่ากล่าวตักเตื อน ซึ่งนั่นอาจทำให้คุณพ่อคุณแม่มีอาการหัวร้อน
และพร้อมจะไปเคลียร์กับครูที่โรงเรียน แต่เรื่องนี้เป็นสิ่งที่อย ากบอกว่าคนเป็นพ่อเป็นแม่ต้องใจเย็น ๆ ก่อน
และอาจต้องสอบถามลูกถึงสาเหตุที่ครูทำเช่นนั้น ซึ่งหากลูกทำความผิดจริง ๆ
และการลงโ ทษไม่ได้ร้ ายแรงจนถึงขั้นเลื อดต กย างออก คุณพ่อคุณแม่ก็ไม่ต้อง
ถึงขั้นไปคุยกับคุณครูเองที่โรงเรียน ควรปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคุณครูที่ต้องอบรมสั่งสอนลูกของเราอยู่แล้ว
แต่สิ่งที่ควรทำคือให้คุณพ่อคุณแม่สอนลูกแทนว่าจะต้องทำตัวอย่ างไรเพื่อไม่ให้โดนครูว่าหรือตีอีก
6. ยุ่งกับการเรียน
การเป็นห่วงสนใจในเรื่องเรียน หรือความเป็นอยู่ที่โรงเรียนของลูกไม่ใช่เรื่องผิดหรอกที่
แต่การที่คุณพ่อคุณแม่ไปบงการหรือกำหนดเส้นทางการเรียนโดยไม่ให้เขามีสิทธิคิด
หรือตัดสินใจด้วยตัวเอง นั่นอาจจะทำให้ลูกของคุณไม่โตเป็นผู้ใหญ่เสี ยที
7. ทำการบ้านให้
สำหรับคุณพ่อคุณแม่คนไหนที่ชอบทำการบ้านให้ลูกเป็นประจำ ควรเลิกทำแบบนี้ปอย่ างเด็ดข าด
เพราะสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่นี้จะทำให้ลูกไม่ได้ฝึกคิดหรือเรียนรู้อะไรเลย
ซึ่งถ้าไม่อย ากให้ลูกเติบโตมาแบบไม่มีความรู้ในสม อง ก็อย่ าทำร้ ายลูกทางอ้อมแบบนี้เลยค่ะ
8. ยอมให้ลูกหยุดเรียน
เพราะเด็ กบางคนอาจมีอาการป่ วยการเมือง เนื่องด้วยสาเหตุหลาย ๆ อย่ าง อาจจะเกิดจากวิชาเรียน
และการบ้านต่าง ๆ ซึ่งวิชาเรียนอาจง่ายเกินไป ทำให้เด็ กเกิดความเบื่อ หรือ วิชาเรียนอาจย ากจนเกินไป
ทำให้เด็ กเกิดความกดดันว่าไม่ฉลาดเท่าเด็ กคนอื่น ๆ สิ่งสำคัญที่พ่อแม่ควรทำคือ
อย่ าถามลูกว่าทำไมถึงไม่อย ากการไปโรงเรียน เนื่องจากเด็ กมักจะไม่รู้คำตอบ เมื่อเด็ กไม่รู้ว่าจะตอบอย่ างไร
ก็จะเป็นการทำให้เด็ กเกิดความรู้สึกเค รียดแทน ทั้งนี้พ่อแม่ผู้ควรบอกเด็ กว่าความกลัวไม่ช่วยอะไร
หากแต่เด็ กควรเอาชนะความกลัวให้ได้ ควรเปิดใจให้กว้างในการรับฟังความรู้สึกของลูก
9. ขีดเส้นชีวิตให้ลูก
กำหนดกฎเกณฑ์ข้อปฏิบัติต่าง ๆ ให้ลูกเดินตามทางที่พ่อแม่ปูไว้ ซึ่งนั่นอาจเป็นเรื่องดีที่จะทำให้ลูกมีวินัย
แต่ในทุ ก ๆ กฎที่พ่อแม่ตั้งไว้ก็ควรให้ลูกรับรู้ด้วย พร้อมให้ลูกมีส่วนร่วมในการขีดเส้นชีวิตของตนเอง
และต้องปล่อยให้ลูกได้เรียนรู้ที่จะทำบางสิ่งด้วยตัวเองบ้างค่ะเพียงเท่านี้ความสำเร็จในชีวิตลูก
ก็จะอยู่ไม่ไกลสุดท้ายนี้ การเลี้ยงลูกที่ถูกต้องจะต้องอย่ าให้ลูกเปราะบางจนเกินไปเหมือนไข่ในหิน
อย่ าเลี้ยงลูกให้เห็นแ ก่ตัว ต้องเลี้ยงลูกให้โตไปตามวัย อย่ าให้กินย ากอยู่ย าก
อย่ าให้ลูกกลัวในสิ่งที่ไร้ส าระ โดยพ่อแม่ควรเริ่มต้นสร้างนิสัยเด็ ก ด้วยการทำให้ตัวเองให้เป็นแบบอย่ าง
พร้อมกับฝึกให้เด็ กรับรู้ และรู้จักรับผิดชอบด้วยตัวเอง รวมทั้งเปิดโอกาสให้เด็ กได้เรียนรู้รวมถึงฝึกฝน
นั่นจะทำให้เด็ กสามารถหาแนวทางดำเนินชีวิต ตามบทบาทและหน้าที่ของตัวเองได้เป็นอย่ างดี
ขอบคุณที่มา : fahhsai