1. ยืมเงิ นแต่ไม่คืน มีหลายคนแล้วที่ต้องแต กหักกันเพราะเรื่องเ งิน เป็นเพื่อนกันย ามเดื อดร้อน
ถ้าช่วยเหลือได้ก็สมควรที่จะช่วยเหลือกันค่ะแต่ในกรณีที่ถ้าเพื่อนคนไหนมายืมเ งินเราบ่อย ๆ
แต่เวลาคืนกลับทำเหมือนไม่อย ากคืน และแกล้งทำเป็นลืม ๆ
ผัดวันประกันพรุ่งเกิน 3 ครั้ง ก็โบกมือบ๊ายบาย ซาโยนาระ มั้ย?
2. ไม่รู้จักขอบเขตของคำว่า ‘เพื่อน’ ถึงจะบอกว่าสนิทกันแค่ไหน ควรเว้นระยะ และเข้าใจคำว่า
พื้นที่ส่วนตัวด้วย ถามว่าแล้วจะรู้ได้อย่ างไรว่าเท่าไหนถึงเรียกว่าไม่ล่วงเกินขอบเขต
เอาหลักง่าย ๆ ไม่อย ากให้ใครทำกับเราแบบไหนก็อย่ าทำแบบนั้น แต่กับบางคนเขาก็ไม่รู้จริง ๆ
ว่าสิ่งที่ทำน่ะมันเกินขอบเขต น้อง ๆ อาจจะพูดกับเพือนไปตรง ๆ แต่ก็อย่ าใช้คำพูดรุ นแรง
หรือถ้าคุยแล้วไม่รู้เรื่อง เขายังทำแบบเดิมซ้ำ ๆ สถานะมายเฟรนด์ก็คงต้องลดเหลือแค่คนเคยรู้จักพอ
3. พูดว่าตำหนิแต่คนอื่น ไม่มีใครที่ไม่ถูกนินทา หรือถูกพูดลับหลังก็จริง ยิ่งเวลาชาวแกงค์รวมตัวกัน
จะว่าไปมันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะสุมหัวกันเม้ามอยคนอื่นแต่สำหรับคนที่เจอทีไร
ก็ไม่มีเรื่องสร้างสรรค์อื่น ๆ มาพูดมาคุยบ้าง มีแต่เรื่องว่าคนอื่นล้วน ๆ
คนนั้นก็ไม่ดี คนโน้นก็ไม่ดี ว่าแต่คนอื่น จ้องจับผิดแต่คนอื่นไปทั่ว มีอยู่คนเดียวที่ดีคือตัวเอง
4. เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง รับฟังความต่างไม่ได้ ไม่รับฟังความคิดเห็นใคร บางครั้งสิ่งที่คนเราคิดอาจจะไม่ถูกต้องเสมอไป
คนรอบข้างที่เขาเตื อนก็ควรจะรับฟังแล้วเอามาไตร่ตรองดู ไม่ใช่ไม่ฟังใคร ไม่เปิดใจ
ดีแต่จะให้คนรอบข้างฟังและทำตามอย่ างที่ตัวเองคิดเพียงอย่ างเดียว คนที่เป็นเพื่อนกันก็ต้องรู้จักพูด
พร้อมกับขณะเดียวกันก็ต้องรู้จักฟังเพื่อนด้วย ไม่ใช่เอาแต่ความคิด
และตัวเองเป็นที่ตั้ง ใครเขาจะอย ากร่วมเคียงข้างไปกับคุณได้ทุ กเวลา
5. เพื่อนพาเ ลวกิจกร รมห่าม ๆ เชื่อว่าวัยรุ่นทุ กคนก็คงอย ากลอง แต่ครั้นหากเจอเพื่อนที่ชวนทำแต่เรื่องเล ว ๆ ตลอด
อาทิ มั่วสุมอบ ายมุข เล่นพนันไม่เคยจะชวนกันไปทำกิจกร รมอะไรสร้างสรรค์ แยกแยะผิดชอบชั่ วดีไม่ออก
ขั้นแรกก็เตื อนเพื่อนหน่อย ถ้ายังไม่ฟังก็ถอยออกมาดีที่สุด
6. ให้ช่วยตลอด 24 เหมือนเป็นอีกอวั ยวะในร่างเธอ เป็นเพื่อนกันต้องช่วยเหลือกันในย ามเดื อดร้อน
ใช่ค่ะ เป็นเรื่องที่สมควรทำ แต่หากเจอเพื่อนประเภทแบบว่าให้ช่วยทุ กเรื่อง ช่วยแทบจะ 24 ชั่ วโมง
เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ลงมือทำเองได้ก็ไม่ทำ แต่ให้เพื่อนช่วย พอไม่ช่วยก็มีอาการขุ่นเคืองโน่นนี่นั่น
อย่ าเสี ยเวลาเลยค่ะเจอคนแบบนี้ วิ่งออกมาเลยเถอะ
7. สนใจแต่เฉพาะเรื่องตัวเอง มักจะโผล่มาเฉพาะเวลาที่ต้องการให้คนช่วยเสร็จแล้วก็หายเข้ากลีบเมฆ
คนประเภทนี้เอาคำว่า “เพื่อน” หรือความสัมพันธ์ต่าง ๆ มาบังหน้าไว้เท่านั้น
คุณสมบัติของคนเหล่านี้ ร้อยวันพันปีหากไม่มีเรื่องอะไรที่ที่เขาต้องการความช่วยเหลือ
เขาจะไม่โผล่ตัวมาหาคุณเลยยกตัวอย่ างเล็ก ๆ เช่น เขาจะ Line จะ Facebook ทักคุณมา
ก็ต่อเมื่อเขากำลังมีเรื่องให้คุณช่วยเท่านั้น กลุ่มบุคคลนี้มักเป็นผู้เห็นแ ก่ได้ฝ่ายเดียวซะด้วยสิ
และพอเขาใช้งานคุณเสร็จแล้วก็หายตัวเข้ากลีบเมฆไปอย่ างรวดเร็ว บุคคลเหล่านี้ขัดกับตำราเพื่อนที่ดี
ที่ได้กล่าวไว้ว่าคนช่วยต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน คนประเภทนี้หากคุณสังเกตดี ๆ
ว่าเวลาคุณต้องการความช่วยเหลือขึ้นมาบ้างบางครั้งเขาอาจจะไม่ปรากฏตัวเลยก็เป็นได้นะ
8. ทำตัวเป็น “งูเห่ า” เลี้ยงไม่เชื่อง สมัยเด็ กคุณคงเคยได้ยินนิทานก่อนนอนเรื่อง “ชาวนากับงูเห่ า” มาบ้างแล้ว
บางทีคุณไม่ได้โ ง่หรอกที่เมื่อเพิ่งรู้จักกันระยะแรกคุณมองไม่ออกว่าคนรอบตัวคุณใครคือ “งูเห่า”
ด้วยความที่คุณเป็นคนดีคุณก็เมตตาคนประเภทนี้ไปเรื่อย ๆ แต่คนประเภทนี้นอกจากเขาอาจจะไม่ได้ตอบแทนคุณ
ด้วยการขอบคุณหรือความรู้สึกที่ดีต่อคุณ เขายังไปฉกกัดคุณ มีความริษย าในด วงใจ จ้องจะทำร้ ายคุณเป็นผลตอบแทน
9. ทำตัวเป็น “นกสองหัว” ปากอย่ างใจอย่ างหรือต่อหน้าอย่ างลับหลังอย่ าง สำหรับบุคคลเหล่านี้แล้ว
ต่อหน้าเขาคุณจะเปรียบเป็นเทพบุตรผู้ไร้ราคี เขาจะไม่มีวันเอาข้อเสี ยหรือสิ่งที่เขาไม่พอใจ
มาพูดให้คุณได้ฟังต่อหน้าเป็นแน่ แต่อย่ าได้เผลอเลยคน ๆ เดียวกันนี่เองลับหลังคุณ
เขาได้เอาคุณไปพูดไปนินทาไปพูดกระแนะกระแหนไปกุเรื่องเป็นสิบเป็นร้อยเรื่อง จนกลายเป็นอีกเรื่องที่คุณอาจไม่คิดมาก่อนก็ได้
10. กอบโกยผลประโยชน์อยู่ฝ่ายเดียว จ้องเอารัดเอาเปรียบไม่มีที่สิ้นสุด บุคคลประเภทนี้มักจะแอบแฝงมาในรูปแบบเพื่อน
หรือคนสนิทต่าง ๆ เข้ามาหาคุณใครจะไปรู้ว่าแท้จริงแล้วเหตุผลที่เขาเข้าหาคุณนั้นเพียงเพื่อจะมาเอาผลประโยชน์จากคุณเท่านั้น
ซึ่งอาจจะเป็นทรัพย์สินที่คุณมีอยู่ อาจจะเป็นแรงกาย หรือทรัพย์สินทางสติปัญญาของคุณ
เพื่อโอนเข้าทางประโยชน์ของเขามันเป็นเรื่องปกติมากที่คนเราทุ กคนเกิดมาอย่ าง “น้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า”
ความหมายคือคนเราต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกัน ย้ำอีกที “ซึ่งกันและกัน” แต่บุคคลนี้กลับใช้คตินี้ตีความผิดไป
หรือไม่ก็ตีความไม่ครบเขากลับเห็นแต่ประโยชน์ที่คุณจะสามารถให้เขาได้ ใช้เล่ห์กลเพื่อเอารัดเอาเปรียบคุณส ารพัดรูปแบบ
สำคัญแต่ตัวจะรับไม่คำนึงถึงการให้โดยเบื้องลึกของจิตใจคนเหล่านี้บางคนไม่ได้คิดแม้แต่จะหาทางตอบแทนคุณอย่ างใด
11. ไม่มีความ “เสมอภาค” ในมิตรภาพ ไม่เห็นความสำคัญของอีกฝ่าย คุณอาจสงสัยว่าหมายถึงบุคคลประเภทนี้ใดกัน
บุคคลประเภทนี้ก็หมายถึงบุคคลที่ชอบทำอะไรที่ไม่เป็นธรรมตัวอย่ างก็เช่นเวลาใดที่บุคคลเหล่านี้มีเรื่องทุ กข์ใจ
อย ากแชร์ก็ไปหาคุณได้ตลอดเวลาแต่พอคุณมีเรื่องต้องการคนปรับทุ กข์บ้างคุณกลับไม่สามารถไปหาคนคนนี้ได้
เนื่องจากเขากลับไม่ได้รับฟัง หรือ เขาอาจเรียกร้องน้ำใจของคุณอยู่ฝ่ายเดียวเช่น ช่วยงานให้เขา
หรือให้คุณช่วยอะไรเขาจิปาถะแต่เมื่อถึงทีของคุณบ้างคุณกลับไม่ได้รับน้ำใจนั้นกลับคืนมา
เรื่องนี้ดูเผิน ๆ อาจดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่มันมีความหมายว่าแท้จริงแล้วเขาไม่ได้มองเห็นความสำคัญในตัวคุณมากที่คุณคิด
12. เป็นนักกุเรื่อง ชีวิตไม่อยู่บนฐานความเป็นจริง บุคคลประเภทนี้มักชอบพูดเรื่องเท็จเป็นกิจจะลักษณะ
ไม่สนใจว่าสิ่งที่ตนเองได้ให้ข้อมูลที่ไม่เป็นความจริงต่อผู้อื่นไปแล้วฝ่ายตรงข้ามจะถูกคนในสังคมมองเช่นไร
บุคคลประเภทนี้มักชอบพูดจาบิดเบือนความจริง จนบางครั้งคุณก็น่าจะรู้สึกได้ด้วยตัวคุณเอง
13. เป็นมิจฉ าชีพในรูปแบบคนรู้จัก บุคคลประเภทนี้อาจเข้ามาทำความรู้จักกับคุณ
เพราะเขาต้องการบางอย่ างจากคุณแบบไม่สุจริต เขาอาจเป็นมือขโมยในคราบของเพื่อน
ไม่ว่าเป็นทรัพย์สินทางตัวหรือทางปัญหาหรือไม่ก็หลอกหาผลประโยชน์ด้วยวิ ธีแบบเดียว
กับที่มิจฉ าชีพเขาทำกันสำหรับคนประเภทนี้แล้วเมื่อคุณต้องระวั งตัวเมื่อเริ่มรู้ตัวว่า
มีคนประเภทนี้เข้ามาในชีวิตทางที่ดีแนะนำให้ตีตัวออกห่างไปยิ่งไกลเท่าไหร่ก็ยิ่งดี
ขอบคุณที่มา : yimlamun