1. ห้ามดับเครื่องทันทีที่พ้นจุดน้ำท่วมขัง
เมื่อพ้นจุดที่น้ำท่วมขังมาเรียบร้อยแล้ว อย่ าเพิ่งรีบดับเครื่องยนต์
โดยให้เครื่องยนต์ติ ดไว้ก่อนซักพัก เพื่อเป็นการไล่น้ำออกจากท่อไอเ สีย
และยังช่วยทำให้เครื่องยนต์กลับสู่สภาพปกติได้อีกด้วย
2. ปิดแอร์
การปิดแอร์นอกจากจะช่วยลดภาระการทำงานของเครื่องยนต์ได้แล้ว
ยังเป็นเหมือนการป้องกันไม่ให้น้ำจากภายนอกไหลย้อนกลับเข้าสู่ตัวเครื่องยนต์ได้
โดยควรปิดทั้งแอร์ และตัวพัดลมแอร์ระบายความร้อนทั้งหมด
เพราะการขับรถลุยน้ำยิ่งน้ำสูง ยิ่งเสี่ ยงต่อการที่น้ำจะเข้าเครื่องยนต์
รวมถึงจะทำให้ใบพัดลมแอร์หักและช็อตได้อีกด้วย
3. เน้นใช้เกียร์ต่ำ
เนื่องจากการขับรถลุยน้ำนั้น ไม่ต่างกับการขับรถขึ้นเนิน
ดังนั้นควรใช้เกียร์ต่ำอย่ างเกียร์ L หรือ เกียร์ 1 เท่านั้น
เพื่อเป็นการไม่ให้รอบเครื่องยนต์ทำงานต่ำเกินไป
จนเกิดกการย้อนกลับของน้ำจนเข้าเครื่องยนต์ได้
4. ขับรถช้า ๆ ไม่ต้องเคลื่อนตัวรถให้เร็ว
ควรค่อย ๆ เคลื่อนตัวรถไปอย่ างช้า ๆ เพราะยิ่งเร่งเครื่อง
เพื่อต้องการให้พ้นจากจุดน้ำท่วมเร็ว กระแสน้ำจะยิ่งตีกลับมา
ทำให้เกิดแรงกระแทกของน้ำ และอาจส่งผลเข้าเครื่องยนต์ได้
ดังนั้นการเคลื่อนตัวไปช้า ๆ จะดีกว่า และห้ามจอดรถแช่น้ำอยู่เป็นอันข าด
5. เหยี ยบเบรกย้ำ ๆ บ่อยครั้ง
เมื่อขับรถพ้นจุดที่พ้นน้ำท่วมสูงมาได้แล้ว ให้เหยี ยบเบรกซ้ำ ๆ บ่อย ๆ
เพื่อเป็นการไล่น้ำออกจากผ้าเบรก และป้องกันอาการเบรกลื่นได้อีกด้วย
อย่ างไรก็ตามเทคนิคในการขับรถในช่วงหน้าฝนให้ปลอดภัยมากยิ่งขึ้นให้จำหลักข้อง่าย ๆ ดังนี้
1. หากฝนต กหนักให้จอดพักก่อน เวลาเจอกับฝนที่ต กหนัก
จะทำให้เราไม่สามารถมองเห็นได้เหมือนในสภาพอากาศปกติ
ดังนั้น หากเป็นไปได้ควรหาที่จอดพักรถที่ปลอดภัยก่อน
แล้วรอจนฝนซาแล้วค่อยขับต่อไปดีกว่า
2. เช็คระบบไฟ ใบปัดน้ำฝน ย างรถ เบรก ให้เรียบร้อย เพราะหน้าฝน
มักจะมีอากาศที่ชื้นกว่าปกติ ทำให้ถนนหนทางลื่นง่าย
และต้องหมั่ นตรวจเช็คสภาพรถเพื่อความปลอดภัยอีกด้วย
3. ไม่ขับรถเร็วเกินไป ทัศนวิสัยที่แ ย่ในหน้าฝน
รวมถึงอุปสรรคต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้อย่ างไม่คาดฝัน
ไม่ว่าจะเป็นถนนที่ลื่นกว่าปกติที่จะยิ่งทำให้มองเห็นได้ไม่ดีนัก
ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย ควรขับรถด้วยความระมัดระวั งไม่ขับเร็วจะดีกว่า
4. อย่ าเหยี ยบเบรกกะทันหัน การเหยี ยบเบรกกะทันหันบ่อย ๆ
จะทำให้สมรรถภาพการเกาะถนนของตัวรถน้อยลง และยิ่งทำให้ลื่นง่ายอีกด้วย
ขอบคุณที่มา : narukdee