เรื่องมันมีอยู่ว่า ช่วงสิ้นปีที่ผ่ านมา เรานัดคนพิเศษจะไปทำบุญ
เป็นการนัดกันล่วงหน้า 1 สัปดาห์ ก่อนถึงวันนัด 1 วัน
เราไม่คอนเฟิร์มเขา ด้วย
1. เพราะกลัวเขาจะขอเลื่อนนัด เนื่องจากเขามักเลื่อนนัดเราอยู่บ่อย ๆ
2. ตามปกติแล้ว ถ้าเขาติ ดอะไรก็มักจะไลน์มาบอกก่อน แต่ครั้งนี้คือต่างคนต่างเงียบ
พอถึงวันนัดซึ่งเป็นวันที่เขายังไปทำงาน แต่เราลาพักร้อนแล้ว เราก็โกออนเลยค่ะมุ่งหน้าสู่ออฟฟิศเขา
พร้อมถือของฝากจากที่ไปเที่ยวมา เอาไปให้เขา ด้วย เมื่อไปถึงก็ไลน์ไปหาเขา
“วันนี้ที่เรานัดกันไปทำบุญน่ะ เราอยู่ตึกออฟฟิศเธอแล้วนะ ขอโ ทษด้วยมาเร็วไปหน่อย” เขาตอบกลับมาว่า
“นัดกันวันนี้หรือ เราไม่ไปได้ไหม เป็นไ ข้อ่ะ แล้วก็ลืมด้วย ขอโ ทษนะ”
อ ารมณ์ตอนนั้น โกรธ มาก เพราะเราโฟกัสที่เขาบอกว่า เขาลืม ไม่ไปได้ไหม เราคิดแค่ว่า เฮ้ย!
คุณไม่รับผิดชอบอะไรหน่อยหรือ คุณบอกได้นี่ ขอเปลี่ยนมาเป็นดื่มกาแฟตอนเย็นหลังเลิกงานแทนได้ไหม
หรืออื่น ๆ อะไรก็ว่าไป เราคิดแค่ส่วนของเรา และเป็นส่วนของเราตามสัญชาติญ าณดิบของมนุษย์
ที่มักคิดว่าตัวเองถูกเสมอด้วย เราพย าย ามข่ มใจให้เย็นแล้วพิมพ์ไปว่า
“ไม่ไปไม่เป็นไร ช่วยลงมาเอาของฝากด้วย ซื้อมาให้เธอคงให้คนอื่นไม่ได้”
ระหว่างที่เขายังเดินมาไม่ถึง ความโกรธ กำลังเล่นงานเราอย่ างหนักหน่วง ถ้าเป็นสมัยสาวสะพรั่ง
บอกเลยว่าอาละว าดไม่สน อินทร์ พรหม ยม ยักษ์ใด ๆ แน่นอน ต้องโวยวายเพื่อให้สาแ ก่ใจกับ ความโกรธ
ที่มีแต่สิ่งที่ทำตอนนั้นคือ หยิบมือถือขึ้นมาจิ้ม ๆ ๆ ๆ หน้าจอเปล่า ๆ จิ้มแรง ๆ เพื่อผ่อนอ ารมณ์ให้อ่อนลง
แต่ยิ่งจิ้มยิ่งรู้สึก โกรธ ก็เปลี่ยนเป็นวางมือถือลง นั่งนิ่ง ๆ สังเกตลมหายใจตัวเอง ลมเข้ารู้ ลมออกรู้ แล้วบอกตัวเองว่า
“ใจเย็น ๆ นะ ใจเย็นไว้” ได้ผลเรานิ่งขึ้น แต่ถามว่า ความโกรธ ยังอยู่ไหม แน่นอนเราเป็นมนุษย์ปุถุชนคนธรรมดา
ความโกรธ ยังอยู่ แต่แค่ไม่ฟาดงวงฟาดงาเท่านั้นเอง พอคนพิเศษเดินมาถึง เรามองหน้ากัน เขาถามว่า
“ โกรธใช่ไหม” เราไม่ตอบ เพราะรู้ตัวว่าถ้าตอบนี่ย าวแน่ ๆ ทำได้แค่ยื่นของฝากให้ แล้วลุกขึ้น
ระหว่างที่เดินกลับโดยมีเขามาส่ง ถ้าเขาถามเรื่องอื่น ๆ เราจะตอบ
แต่เราจะตอบให้น้อยที่สุด กันไม่ให้คำพูดไม่ดีหลุดออกไป
พอพ้นจากออฟฟิศของเขา เราไม่ได้เอะอะโวยวายก็จริง แต่มันหนักในใจไปหมดโกรธ
จนพูดไม่ออกเป็นอย่ างไร เพิ่งได้สัมผัสเป็นครั้งแรกก็ครั้งนั้น
ร้อนรนทนไม่ไหวราวไฟคลอกหัวใจ เพราะพิ ษแห่ง ความ โกรธ
ผ่ านไป 1 วัน เราไม่ติ ดต่อกัน เรายังแบก ความ โกรธ เอาไว้ ทุ กอย่ างรอบตัวดูขัดหูขัดตาไปหมด
หัวจิตหัวใจทั้งร้อนทั้งหนักอึ้งแทบทนตัวเองไม่ไหว ความรู้สึกดิ่งพสุธามาก ๆ พอต กกลางคืนเราปิดไฟ
นอนกระสับกระส่าย มี ความทุ กข์ ทรม านอย่ างบอกไม่ถูก เหมือนจะประส าทค่ะว่าง่าย ๆ
คิดได้ก็หายหนัก พอฟุ้งซ่านอยู่พักใหญ่ ๆ ไม่รู้จะทำอย่ างไร ก็เลยเปิดยูทูปของพ ระอาจารย์ท่านหนึ่ง
เรื่องการจัดการ ความโกรธ เปิดฟังไปเรื่อย ๆ สะดุดหูข้อที่ว่า ให้คิดถึงสาเหตุแห่งความโกรธ
ว่าแท้จริงแล้วเกิดจากอะไรกันแน่ ทีนี้เริ่มคิดตามแล้วค่ะ ถ้าวันนั้นเราโทร คอนเฟิร์มเขา เขาก็อาจจะไม่ลืม
หรือถ้าเขาเลื่อนนัดก็อาจจะแค่เสี ยความรู้สึก แต่ ความโกรธ จะไม่เกิดขึ้นอย่ างแน่นอน จริง ๆ จะโท ษเขา 100%
ก็ไม่ได้ จริง ๆ ตัวเราก็ผิดเหมือนกัน แล้วเขาก็ขอโ ทษแล้ว ก็แล้วต่อกันไปแล้วกัน หลังจากนั้นก็มีโอกาสคุยไลน์กับเพื่อน
ได้ระบายสิ่งที่อยู่ในใจออกไป รวมถึงการยอมรับความผิดในส่วนของตัวเองด้วยใจจริง
เชื่อไหมคะ จากที่หนัก ๆ มี ความทุ กข์ ทุ กอย่ างมันเบาราวกับปุยนุ่นเลยค่ะ!
ขอบคุณที่มา : long-oie