Home ข้อคิดดีๆ อ ย า ก ให้ลูกมีอนาคตดี พ่อกับแม่ต้องมี 3 ข้อ

อ ย า ก ให้ลูกมีอนาคตดี พ่อกับแม่ต้องมี 3 ข้อ

24 second read
ปิดความเห็น บน อ ย า ก ให้ลูกมีอนาคตดี พ่อกับแม่ต้องมี 3 ข้อ
1
497

พ่อแม่หลายคน ชอบช่วยเหลือ ลูกอยู่ตลอดเวลา เพราะ กังวลว่าลูกจะทำอะไรหลายๆ อ ย่ า ง

ได้ไม่ดีพอ แต่คุณรู้ไหมว่า การทำแบบนี้จะเป็นการทำให้ลูกของคุณกลายเป็น

 

คน อ่ อ น แ อ ที่ไม่สามารถดูแลตัวเองได้ วันนี้มีงานวิจั ย เผยว่า 3 ข้อ ที่หากแม่เข้าไป

มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย หรือมีส่วนช่วยเหลือลูกๆได้น้อยที่สุดจะส่งผลดีกับลูกมากที่สุด

 

1. แม่ต้องขี้เกียจขยับมือ สอนให้ลูกเรียนรู้จักพึ่งพาตนเอง

คุณแม่กุ๊ก เผยประสบการณ์ว่า เธอจะไม่เข้าไปช่วยลูกในสิ่งที่ พวกเขาสามารถทำได้เอง เช่น

เมื่อห้องนอนของกุ๊กไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย แม่จะ เ ตื อ น กุ๊กว่า ควรจัดห้อง อ ย่ า ง ไร

เพื่อให้เป็นระเบียบ

 

แต่จะไม่เข้าไปทำให้ลูกเอง เธอปล่อยให้ลูกได้ทำด้วยตัวเองช่วงเปิดภาคเรียน คุณครูขอให้

นักเรียนห่อปกหนังสือเรียนเล่มใหม่ของเทอมนี้ แต่กุ๊กทำไม่เป็น แม่จึงสอนกุ๊กห่อ 1 เล่ม

ก่อนเป็นตัว อ ย่ า ง ให้กุ๊กดู

 

จากนั้นก็ปล่อยให้กุ๊กลองทำเองทั้งหมด กุ๊กไม่อย ากห่อเอง จึงไม่ยอมขยับมือ แม่ก็ไม่สนใจเธอ

ได้แต่ยืนอยู่ข้างๆ พร้อม ชี้นิ้วบอกให้ทำ อ ย่ า ง นั้น อ ย่ า ง นี้ แต่ไม่เข้าไปช่วยห่อ

 

ทำให้กุ๊กต้องนั่งห่อเองทั้งหมด แม่ของกุ๊กบอกว่า “ความจริงถ้าฉันจะเข้าไปช่วยห่อจะประหยัดเวลาได้มาก

แต่กุ๊กจะไม่มีวันเรียนรู้ที่ห่อ ปกหนังสือเองได้เลย ดังนั้นนี้เป็น วิ ธี ที่ดีที่สุดคือ

ปล่อยให้กุ๊กห่อเอง แม้ว่าจะห่อไม่เรียบร้อยก็ตาม”

 

ประสบการณ์ของครูพบว่า : “แม่ขี้เกียจ” ไม่เคยขยันหมั่นเพียร ในการช่วยเหลือลูก ในการทำสิ่งต่างๆ

แต่ให้ลูกทำเอง เพื่อจะได้พึ่งพาอาศัยตัวเองช่วยเหลือตัวเองได้และไม่เฉยเมยต่อการฝึกฝน

สร้างความรับผิดชอบให้กับลูก

 

2. แม่ต้องขี้เกียจบ่นหรือพูดมาก ให้ลูกเรียนรู้ที่จะเติมโตด้วยตนเอง

พ่อแม่หลายคนชอบสร้างความคาดหวัง ในตัวลูกมากเกินไป อย ากให้ลูกทำตามสิ่งที่ตัวเองนั้นต้องการ

เพราะคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ดีสำหรับลูก แต่การทำแบบนี้จะทำให้ลูกรู้สึกอึดอัด กดดัน

 

และกลายเป็นไม่อย ากฟังและทำเป็นหูทวนลม ไม่ใส่ใจกับสิ่งที่แม่พูด แต่มีครอบครัวหนึ่ง ที่กลับทำตรงกันข้าม

ในช่วงสุดสัปดาห์ ต้นเล่นเกมเป็นเวลานานมาก และไม่ทำการบ้าน แม่จึงถามเขาว่า…

“ลูกกะจะเล่นเกมถึงกี่โมง…?”

 

ต้นตอบว่า : “ขอเล่นอีก 10 นาที”

แม่ตอบกลับไปว่า… “โอเค ต้องรักษ าคำพูดนะ”

พอ ผ่ า น ไป 10 นาที แม่ก็เดินกลับมาดูอีก ต้นก็ยังคงนั่งเล่น อยู่ที่เดิม แม่ โ ก ร ธ มาก แต่ก็ต้องสงบสติ อ า ร ม ณ์

 

และพูด อ ย่ า ง ใจเย็นว่า… “ปกติลูกเป็นคนรักษ าคำพูดไม่ใช่หรอ…?”

ในตอนนั้น ต้นเริ่มรู้สึกผิด จากนั้นก็เดินไปปิดสวิทช์และรีบไปทำการบ้านทันที…!!

 

นั้นเป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้ แม่ของต้นเคยพูดหลายรอบเกี่ยวกับนิทานเรื่อง “การเป็นคนน่าเชื่อถือ”

และ นั้นก็ทำให้ต้นค่อยซึมซับเข้าไปในจิตใจปกติแม่จะเป็นคนที่ ให้ความสำคัญเกี่ยวกับการอ่ านหนังสือ

ทบทวนตำราเป็น อ ย่ า ง มาก

 

จึงได้ซื้อนิทานสร้างแรงบันดาลใจให้อ่ านมากมาย และจากนิทานเหล่านี้ ทำให้ต้นเรียนรู้ที่จะนำมาใช้กับตนเอง

เสริมสร้างการควบคุมนิสัย ของตนเอง การอดทนอดกลั้น ด้านจิตตานุภาพเพื่อให้ตนเองเป็นคนที่มีคุณภาพยิ่งขึ้น

 

ประสบการณ์ของครูพบว่า : “แม่ขี้เกียจ” ไม่ขยันที่จะบ่นทั้งวันแต่ใช้เหตุผลในการพูดคุย

เพราะเธอรู้ดีว่าลูกไม่ชอบการบ่น แต่เธอขยันในการหา วิ ธี ในการรับมือ เพื่อปลูกฝังจิตสำนึกและคุณภาพที่ดีเยี่ยมให้ลูก

 

3. แม่ต้องขี้เกียจ ไม่เข้าไปช่วยลูกทำการบ้าน

มีคุณแม่คนหนึ่ง เล่าประสบการณ์ว่า ตนเองไม่เคยไปสอนการบ้าน ให้ลูกชายเลย แม่จะ เ ตื อ น

ลูกมากกว่าว่าเวลาไหนควรไปทำการบ้านได้แล้ว เมื่อทำเสร็จแล้วก็บอกแม่คำหนึ่งก็พอ ส่วนการตรวจสอบว่า

ลูกชายทำถูกหรือไม่นั้นเป็นหน้าที่ของตัวเขาเอง

 

หรือให้เรียนรู้ว่าถูก หรือผิดจากที่โรงเรียน แม่มีหน้าที่แค่เซ็นชื่อเท่านั้นในตอนแรกลูกชายไม่พอใจ

เป็น อ ย่ า ง มากโดยบอกว่า “แม่ของคนอื่นจะช่วยตรวจการบ้านให้ด้วย ทำไมแม่ขี้เกียจแบบนี้…?”

เธอตอบลูกชายไปว่า… “ ไม่ใช่เพราะแม่ขี้เกียจหรอกนะ

 

ลูกคิดดูสิ..!! หากแม่ช่วยลูกตรวจ การบ้าน แล้วลูกจะรู้ได้ อ ย่ า ง ไร ว่าผิดตรงไหนบ้าง แล้วต่อไปลูก

จะตรวจเองเป็นไหม…? ตอนสอบหากผิดลูกจะรู้ไหม ว่ามันผิดตรงไหน จงจำไว้นะว่าในตอนนั้นไม่มีใคร

สามารถมาช่วยลูกตรวจข้อสอบได้ ลูกจะได้ฝึกการตรวจความถูกต้อง และเรียนรู้ด้วยตัวเอง ”

 

ในห้องเรียนลูกจะเจอ บทเรียนก่อน และ จึงจะได้ทำข้อสอบ แต่… ในโลกแห่งความเป็นจริงลูกจะได้

เจอบททดสอบก่อน แล้วถึงจะได้บทเรียน นี่คือสิ่งที่ลูกต้องเรียนรู้ให้ได้มากที่สุด

 

เธอสอนให้ลูกรู้จักพึ่งตนเอง เมื่อพบเจอปัญหาก็ต้องคิดใคร่ครวญเอง

หากคิดไม่ออกจริงๆค่อยถามแม่หรือขอคำแนะนำจากแม่ได้

 

ประสบการณ์ของครูพบว่า : “แม่ขี้เกียจ” ไม่เคยชี้นำลูกให้เรียนรู้ แต่ปล่อยให้ลูกทำ อ ย่ า ง อิสระ

และคิด อ ย่ า ง อิสระ แต่เธอก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ เธอยังให้ความสนใจกับลูก และใช้ วิ ธี การที่ชาญฉลาด

เพื่อช่วยแก้ปัญหาเมื่อลูกมีปัญหามันสอนให้รู้ว่าผู้ปกครองควรที่จะปล่อยลูกของตัวเองบ้าง

 

ในเวลาที่สมควร ให้เขาได้เรียนรู้ และใช้ชีวิตของตัวเองให้เต็มที่ สิ่งที่ตัว อ ย่ า ง แม่ๆ ทั้งหลายทำนั้น

มันเป็น วิ ธี ในการปลูกฝังลูกน้อยที่ดีมาก เพื่อให้เขาสามารถเติบโตได้ด้วยตัวเอง

 

และช่วยเหลือตัวเองได้พ่อแม่ ทุ ก คนมักจะกังวลกับลูก จนไม่กล้าปล่อยให้ลูกได้เรียนรู้และ

ทำอะไรด้วยตัวเขาเอง

 

คุณควรเอาความกังวลเก็บไว้ในใจ และปล่อยให้เขาโบยบิน ไปด้วย วิ ธี

ของเขาเองเพื่อให้เขามีปีกที่แข็งแรงพอ และอยู่ได้ด้วยตัวเองในวันที่ไม่มีคุณปกป้อง

 

ถ้าอย ากให้ลูกเป็นคนใจเย็น ให้ฝึกการรอคอย

ถ้าอย ากให้ลูกช่วยเหลือตัวเองเป็น ให้ลูกได้ลองลงมือปฎิบัติ

 

ถ้าอย ากให้ลูกพูดเพราะ และ มีมารย าท ต้องทำให้ลูกเห็น ทุ ก วัน

ถ้าอย ากให้ลูกมีวินัย พ่อแม่ต้องรู้จักรักษ าคำพูด

 

ถ้าอย ากให้ลูกแก้ปัญหาได้ ให้ฝึกให้เจอปัญหาบ่อยๆ

ถ้าอย ากให้ลูกกล้าแสดงความคิดเห็น ให้ฝึกถามเพื่อให้ลูฏกล้าแสดงความคิดเห็น

 

ขอขอบคุณ l i f e b e e p e r

Load More Related Articles
Load More By Young Hug Phai Eek Dai Bor
Load More In ข้อคิดดีๆ
Comments are closed.

Check Also

จังหวะชีวิต ของแต่ละ ค น มักจะไม่เหมือนกัน

บางคนเรียนจบตอนอายุ 22 ปี.. แต่ต้องรออีก 2 ปี ถึงจะหางา … …