ชีวิตคนเราพบเจอกับเรื่องราวต่าง ๆ มากมาย และเรื่องราวมากมายที่เคยเกิดขึ้นในอดีต
ก็กลับมาเกิดขึ้นทับซ้อนกันในยุคปัจจุบัน ที่เรากล่าวกันว่า “ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย”
ความสำคัญของประวัติศาสตร์นั้นคือ การทำหน้าที่เป็นบทเรียนของคนในปัจจุบัน
สิ่งใดดี ให้เอาเยี่ยงอย่ าง สิ่งใดเล วร้ าย อย่ าได้เจริญรอยตาม
จีนโบราณกล่าวว่า “โอหังมักพาให้แพ้พ่าย” นั่นหมายความว่า ความบ้าระห่ำ
ความอ วดดี ความจองหอง และโอหัง คือเหตุแห่งความล้ มเหลวของชีวิตมนุษย์
เรื่องราวของคนโอหัง ที่สุดท้ายต้องพบกับจุดจบของความพ่ายแพ้นั้นมีมาก
ความโอหังทำให้มองไม่เห็นหัวของคนอื่น ประเมินกำลังของตนว่าอยู่เหนือผู้อื่น
ในประวัติศาสตร์ของจีน ฌ้อปาอ๋อง ผู้มากความสามารถ แต่เพราะความโอหัง
สุดท้ายต้องจบชีวิต ด้วยการเ ชือดลำคอตนเอง ในสงคร ามไกเซี่ย
“คนโอหัง มักถูกความโอหังของตน ทำลายตนเอง” ดังนั้น ความโอหังปกครองคนไม่ได้
มีเพียงคุณธรรมเท่านั้น ที่ผู้คนยินยอมกราบกราน ศิโรราบด้วยหัวใจ
เซอร์ไอแซก นิวตัน บิดาแห่งวิทย าศาสตร์ แรกเริ่มของความสำเร็จนั้น
มีผู้คนมากมายที่สรรเสริญเขา แต่เขากลับบอกแ ก่ทุ กคนว่า “ผมไม่รู้ว่าคนอื่นจะมองผมยังไง
แต่ผมมองตัวเองว่า ไม่ต่างอะไรจากเด็ กน้อยที่วิ่งเล่นอยู่บนชายหาด
ที่รู้สึกลิงโลดทุ กครั้งที่ค้นพบก้อนหิน และเปลือกหอยที่สวยงาม
แต่สำหรับความยิ่งใหญ่ของมหาสมุทรที่อยู่เบื้องหน้านั้น กลับไม่รู้เรื่องเอาเสี ยเลย”
บรมครูขงจื้อ ผู้มีจริย าแห่งความอ่อนน้อม และไม่อายในการไตร่ถาม
การถูกสรรเสริญ ยกย่องว่าเป็นบรมครู ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอันใดเลย
เธอเอ๋ยจงจำไว้นะ “ความอ่อนน้อมทำให้คนเราก้าวหน้า ความโอหังทำให้คนเราเสี ยหาย”
ขอบคุณที่มา : postsabaidee