ประเภทที่ 1 : คนที่ทำงานแบบเดิม ๆ ซ้ำ ๆ
พนักงานในไลน์ หรือ เจ้าหน้าที่ต่าง ๆ ที่ต้องทำงานแบบเดิม ๆ ซ้ำ ๆ
เช่น แพคของใส่กล่อง จัดเรียงสินค้าในคลัง งานที่อาศัยแค่ความชำนาญ
ไม่ได้ใช้การคิด วิเคร าะห์ หรือ การตัดสินใจใด ๆ คล้ายๆหุ่นยนต์
จึงเป็นเหตุผลอันง่ายที่จะถูกแทนที่ด้วยหุ่นยนต์จริง ๆ
เพราะ หุ่นยนต์ไม่เรียกร้องขึ้นเงิ นเดือน ไม่ ข าด ลา มาสาย
ไม่บ่น ไม่หยุดงานประท้วง ไม่เรียกร้องสวัสดิการเพิ่ม
ประเภทที่ 2 : คนที่นอกเหนือจาก 8 ชั่ วโมงไม่เรียนรู้
มีเพื่อนผมคนหนึ่งทำงานที่ท่าเรือ คอยเช็คจำนวนสินค้าในคลัง
เป็นงานง่าย ๆ ที่เหมือนจะถูกแทนที่ด้วยหุ่นยนต์ในอนาคต
แต่เมื่อทำงานปีแรกเขาก็ค้นพบว่ามีลูกค้าชาวสเปนเยอะมาก
เลยเริ่มเรียนภาษาสเปนแบบ จริง ๆ จัง ๆ ทุ กวันหลังจากทำงานเสร็จ วันละ 2 ชั่ วโมง
ผ่ านไป 3 ปี เนื่องจากความสามารถด้านภาษา เพื่อนคนนี้มีโอกาสไปร่วมงานนิทรรศการการค้าต่างประเทศ
ได้ลูกค้ารายใหญ่หลายรายกลับมาด้วย ธุรกิจขย ายตัวอย่ างรวดเร็ว ปีที่ 7 เขาก็เปิดบริษัทของตัวเอง
ตลอดระยะเวลาแห่งงานเปลี่ยนแปลง สิ่งที่เขาไม่เคยหยุดทำก็คือ ใช้เวลานอกเหนือจาก 8 ชั่ วโมงในการเรียนรู้
ยุคสมัยนี้เป็นยุคแห่งการเรียนรู้ ความรู้เติบโตขึ้นในอัตราที่ก้าวกระโดด
ทุ กคนมีอินเตอร์เน็ต สามารถเข้าถึงความรู้ต่าง ๆ ได้อย่ างรวดเร็วแค่ปลายนิ้ว
อยู่ที่ว่าคุณจะใช้โอกาสที่มีไขว่คว้า หรือ นั่งรอวันถูกแทนที่
ประเภทที่ 3 : คนมองอะไรสั้น ๆ ตัดสินแค่สิ่งที่อยู่ตรงหน้าทันที
หลังเรียนจบ Li Ting และ Tan Si เข้าไปฝึกงานที่บริษัทบัญชีแห่งหนึ่งด้วยกัน
หลังหมดระยะฝึกงาน บริษัทเสนอให้ไปศึกษางานที่สำนักงานใหญ่ในฮ่องกง 2 ปี แต่ได้เงิ นเดือนครึ่งเดียว
ไม่มีค่าคอมมิชชั่น Li Ting รู้สึกว่าเงิ นเดือนน้อยเกินไป แถมไม่คุ้นเคยกับการใช้ชีวิตในต่างแดน ก็เลยไม่เอา
ส่วน Tan Si กล้าตัดสินใจเลือกไปฮ่องกง ในมุมมองของเธอ ไปศึกษางานแถมยังได้เ งินเดือน เป็นเรื่องที่คุ้มแสนคุ้ม
ผ่ านไป 2 ปี Tan Si กลับมาที่บริษัทในฐานะหัวหน้าโครงการคนใหม่ รายได้ 1 ล้านบาทต่อปี
ส่วน Li Ting ยังคงทำงานในตำแหน่งเดิม เงิ นเดือนในตอนนี้ไม่ถึง 1 ใน 3 ของ Tan Si
ไม่ใช่ว่า Tan Si ตัดสินใจถูก หรือ Li Ting ตัดสินใจผิด เพราะ ทั้งคู่ต่างเลือกสิ่งที่คิดว่าดีที่สุดให้ตนเอง
แต่เมื่อเวลาที่ผ่ านไปจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า การตัดสินใจของเราในอดีต จะพาเราก้าวหน้าขึ้นได้หรือไม่
ประเภทที่ 4 : คนที่ทำงานร่วมกับคนอื่นไม่เป็น
บริษัทต่างชาติแห่งหนึ่ง ให้เงิ นผู้สมัครงาน 75 บาท ให้พวกเขาไปหาอะไรกินด้วยกัน
6 คนไปถึงร้านอาหารด้วยกัน แต่ข้าวจานหนึ่งอย่ างต่ำ 15 บาท เงิ นที่พวกเขามีไม่พอจะซื้อข้าวคนละจาน
ก็เลยกลับไปบริษัทอย่ างหงุดหงิด พอถึงบริษัท ประธานบริษัทรู้เข้าก็ส่ายหน้า : “ขอโ ทษด้วย พวกคุณไม่เหมาะกับบริษัทเรา”
ร้านอาหารร้านนั้น มีโปรโมชั่นซื้อ 5 แถม 1 หรือถึงแม้ไม่มีโปร ก็ยังขอจานเปล่ามาหนึ่งใบ
แล้วสั่งข้าว 5 จานมาแบ่งกันกินได้ แต่ผู้สมัครทั้ง 6 คนไม่มีใครคิดว่ามาด้วยกัน เป็นทีมเดียวกัน
ทุ กคนต่างคิดถึงแต่ตัวเอง ถึงได้มือเปล่ากลับไป
นักปรัชญากล่าวไว้ว่า : “แต่ละคนก็เหมือนอิฐก้อนนึง โยนลงไปบนถนนก็ง่ายที่จะถูกเตะไปมา
แต่ถ้าคุณเอาอิฐหลาย ๆ ก้อนมาก่อเป็นผนัง ก็ย ากที่จะมีใครทำให้เคลื่อนไหวได้”
ประเภทที่ 5 : คนที่ไม่เข้าใจการลงทุนในตัวเอง
เรามักจะได้ยินคำเตื อนว่า… ” อย่ าใช้เงิ นสุรุ่ยสุร่าย “
แต่ถ้าเราเก็บเงิ นได้ 1 แสนต่อปี ภายใน 10 ปี เก็บได้ 1 ล้าน นี่คือเก่งหรอ…?
ไม่ใช่…! เพราะเมื่อคุณใช้เวลา 10 ปีถึงจะเก็บเงิ นได้ 1 ล้าน
คนอื่นอาจจะใช้เวลาแค่ปีเดียว….!!
ตอนที่คุณยังเย าว์วัยคุณต้องรู้ว่าจะลงทุนกับตัวเองยังไง
ถ้าทุ กเดือนคุณเอาเงิ นส่วนหนึ่งมาลงทุนกับตัวเอง…
บางคน ” ไปเรียนคอสเสริมหลังเลิกงาน “ อาจไม่ได้ร วยในทันที แต่ได้รู้จักคนมากมายที่นำพาโอกาสดี ๆ เข้ามาในชีวิต
บางคน ” ไปเข้าฟิตเนสออกกำลังกาย “ จนค้นพบช่องทางธุรกิจ เปิดยิม ขายอาหารเสริมสำหรับคนรักสุ ขภาพ
บางคน ” ออกเดินทาเที่ยวรอบโลก “ ไปเจอธุรกิจใหม่ ๆ ที่น่าสนใจในต่างประเทศ นำไอเดียกลับมาต่อยอดเป็นของตัวเอง
หลายปีผ่ านไปคุณจะพบว่า เงิ นที่คุณใช้ไป ทำให้คุณค่าของตัวเองเพิ่มขึ้น คุณได้คืนกลับมาหลายเท่า
ขอบคุณที่มา : bitcoretech