1. อย่ าไปเสี ยเวลากับคนที่ไม่ได้ใส่ใจคุณ
ให้เราหัดที่จะปฏิเสธ และ พูดคำว่า ไม่ ออกไปบ้าง ถ้าต้องไปร่วมกิจกร รม
หรือ พบปะกับคนที่สุดท้ายแล้วไม่ได้ทำให้ชีวิตเราดีขึ้น เพราะ ไม่ใช่ทุ กคนที่คุ้มค่าพอจะไปเสี ยเวลาด้วย
– ตอนอายุ 20 โลกของเราคือการเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ เรายึดติ ดกับการได้รู้จักผู้คนมากมาย
– ตอนอายุ 30 โลกจะบอกกับเราว่า ความสัมพันธ์ที่ดีเนี่ยมันหาย ากนะ
ฉะนั้น ถ้าเจอแล้วมันไม่ดี ก็ไม่ต้องไปเสี ยเวลากับใครสักคนที่ไม่ได้นำพาให้ชีวิตเราดีขึ้น
– ตอนอายุ 40 คุณจะเริ่มบรรลุแล้วว่า แท้จริงแล้ว มีเพียงครอบครัว คนที่รัก และ เพื่อน
สนิทเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ที่พร้อมจะอยู๋เคียงข้างเราจริง ๆ นอกนั้นเข้ามาเพื่อกอบโกยผลประโยชน์
“อย่ าทนคนที่ปฏิบัติต่อคุณไม่ดี อย่ าทนพวกเขา ด้วยเหตุผลบางอย่ าง
เช่น เหตุผลทางการเ งิน หรือ ผลประโยชน์อื่น ๆ อย่ าทนกับพวกเขา
เพราะเห็นแ ก่ความสะดวกเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่ได้สร้างประโยชน์อะไร”
2. ดูแลสุ ขภาพแบบจริง ๆ จัง ๆ
ใจเราเนี่ยมันจะรู้สึกว่าตัวเองอ่อนกว่าอายุจริง 10-15 ปี ในขณะที่สุภาพของเราไปเร็วกว่าที่เราคิดไว้มาก
ลองสังเกตดูเมื่อวัย 20 ต้น ๆ คุณอาจอดหลับอดนอน 1-2 วัน เพื่อไปเที่ยว ทำงานหนัก หรือ ทำกิจกร รมต่าง ๆ ได้
โดยไม่มีผลกระทบอะไร แต่เมื่อคุณอายุเริ่มขึ้นเลข 3 แล้ว จะรู้เลยว่า
หากใช้ร่ างกายหนัก ๆ จะเห็นผลกระทบแน่นอน บางคนกว่าจะรู้ตัวก็กลับมาแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว
3. เริ่มต้นเก็บเงิ นได้แล้ว ก่อนที่มันจะสายเกินไป
เรื่องการเ งินมันไม่ใช่เรื่องตลกเลยใช่มั้ย เริ่มต้นวางแผนการเงิ นของตัวเอง
และวางแผนชีวิตหลังเกษียณได้แล้วตั้งแต่วันนี้เลย หลังจากดูแลสุ ขภาพร่ างกาย
สุ ขภาพจิตใจ ของตัวเองได้แล้ว ก็อย่ าลืมมาดูแลสุ ขภาพทางการเ งินของคุณด้วย
– ทุ กวันนี้ต้องกินต้องใช้ ถ้ายังไม่ได้หายใจออกออกมาเป็นแบงก์ร้อยแบงก์พันอย่ าฟุ่มเฟือย อย่ าสุรุ่ยสุร่าย
– ให้ความสำคัญกับการใช้ห นี้ที่มี ด อกเบี้ยสูงให้เร็วที่สุด โดยเฉพาะด อกเบี้ยบ้านที่สูงอย่ างมาก
– แยกเงิ นสำรองไว้เผื่อกรณีฉุ กเฉิน เพราะ เราไม่รู้หรอกว่าในอนาคต เราจะเจอปัญหาแบบไหนบ้าง
สุ ขภาพ , การขึ้นโรงขึ้นศาล , เรื่องธุรกิจ หรือ อื่น ๆ ที่ย ากจะคาดเดา
– อย่ าลงทุนในสิ่งที่คุณยังไม่เข้าใจมันดีพอ ให้เก็บเงิ นก้อนเอาไว้ก่อน
ศึกษาข้อมูลให้ละเอียดก่อนลงมือทำธุรกิจอะไร อย่ าทำอะไรตามกระแส
เช่น ร้านกาแฟ (จากสถิติธรกิจร้านกาแฟที่คนนิยมเปิดในปัจจุบัน 9 ใน 10 ร้านเจ๊ง ตั้งแต่ปีแรก)
4. หยุดพิสูจน์ตัวเองในเส้นทางที่คนอื่นบอก
– เมื่อยังเด็ ก เราจะเข้าใจมาตลอดว่า คนที่เรียนได้คะแนนสูง อันดับดี ๆ
สอบติ ดมหาวิทย าลัยดี ๆ มีปริญญาหลาย ๆ ใบ “คือคนเก่ง”
– พอโตขึ้นมาหน่อย เราจะเข้าใจว่าคนที่ทำงานเก่ง เงิ นเดือนสูง ๆ
หรือ มีชื่อเ สียง เป็นที่ยอมรับนับหน้าถือตาของสังคม “คือคนเก่ง”
– มาวันนี้ เราจะเข้าใจเองว่าที่ผ่ านมาเราคิดผิดมาตลอด คนที่เก่งจริงคือ
คนที่ทำงาน หรือ อาชีพอะไรก็ได้อย่ างมีประสิทธิภาพ ถึงเวลากินก็ได้กิน
ถึงเวลานอนก็ได้นอน มีเวลาว่างไปเที่ยวบ้าง มีเวลาออกกำลังกาย มีเวลาให้ครอบครัว
มีเวลาอยู่กับเพื่อน ๆ และ ตัวเอง คนที่สมดุลในทุ ก ๆ เรื่อง ในแบบฉบับของตัวเอง
และ ใช้ชีวิตอย่ างมีความสุข นั้นแหละ คือ ” คนที่ประสบความสำเร็จอย่ างแท้จริง “
5. ดีกับคนที่เขา ดีกับเราให้มาก
หลังจากที่เลือกคนที่ดีให้อยู่ในชีวิตแล้ว เราก็ควรที่จะรั กษาเค้าไว้ให้ดีด้วย
ไม่ใช่ว่าเห็นใครดีด้วยแล้วได้ใจไปเอาเปรียบเขา ใครดีก็ต้องดีตอบ
เพื่อรั กษาคนดี ๆ เหล่านั้นไว้ในชีวิตให้นานที่สุด
6. คุณทำทุ กอย่ างไม่ได้หรอก
โฟกัสแค่สิ่งที่คุณทำได้ แล้วทำมันให้ดีก็พอ ทุ กอย่ างในชีวิตคือการแลกเปลี่ยน
คุณได้บางอย่ าง เพื่อเสี ยบางอย่ างไป คุณไม่มีทางได้มันไปทั้งหมด มันเป็นเรื่องที่คุณต้องยอมรับ
เพราะสิ่งที่น่าเสี ยใจกว่านั้นก็คือ เราใช้เวลาต่อจากนี้อีก 10 ปี อยู่กับสิ่งที่เราไม่ได้ชอบ
จากวันเป็นเดือน เป็นปี ลืมตามาอีกทีก็อายุ 50 แล้วมาพบกับ “วิกฤตวัยกลางคน”
เพราะมันคือปัญหาที่เราไม่ได้แก้ไขมันเมื่อ 10 ปีที่แล้ว
7. ไม่ต้องกลัวความเสี่ ยงมากก็ได้
ช่วงอายุนี้มันยังเปลี่ยนแปลงได้อยู่ จริง ๆ แล้วช่วงอายุ 30-40 เนี่ย
เราควรจะมีอาชีพที่ปักหลักแน่นอนแล้ว แต่มันก็ไม่ได้สายเกินไปที่จะเปลี่ยน
ขอบคุณที่มา : bitcoretech