ปัจจุบันโทรศัพท์มือถือนั้นจัดได้ว่าเป็นปัจจัยที่ 5 ของชีวิต เราทุ กคนติ ดอยู่กับหน้าจอมือถืออยู่ตลอดเวลา
ตั้งแต่ตื่นตอนเช้าจนถึงก่อนเข้านอน เพราะโทรศัพท์มือถือที่เราเรียกกันว่า “สมาร์ทโฟน”
สามารถทำอะไร ๆ ได้มากกว่าการใช้โทรเข้าโทรออก เนื่องจากมันมีอินเตอร์เน็ตที่ครอบคลุมเครือข่าย
ประกอบกับแอพพลิเคชั่นต่าง ๆ จึงทำให้หลาย ๆ อย่ างในชีวิตง่ายขึ้น และผูกติ ดอยู่ในมือถือนั้น
ไม่ว่า จะการติ ดต่อสื่อ ส า ร ทางไลน์ ทางอีเมลล์ หรือการทำงาน
แม้กระทั่งการขายของเดี๋ยวนี้ก็ไม่ต้องเร่ขายแล้ว ไม่ต้องมีหน้าร้านก็ขายได้
เพียงมีโทรศัพท์มือถือและมีความสามารถในการใช้เครือข่ายอินเตอร์เน็ต
ก็เพียงพอแล้วสำหรับการหารายได้เข้ากระเป๋า
จึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่บางคนอาจใช้มือถือทำงานครบ 24 ชั่ วโมงต่อ 1 วัน
ดังนั้นต้องมีการชาร์จแบตทิ้งไว้ในขณะใช้งานมือถืออยู่แน่นอน
แต่ควรเติมพลังให้แ ก่แบตเตอรี่อย่ างไรให้ถูกต้องและปลอดภัย
วันนี้เราได้หยิบยกเรื่องนี้มาฝากกันค่ะ
1. ตรวจสอบความพร้อมของสายชาร์จ
ปัญหาที่เราพบเจอกันอยู่บ่อย ๆ ในการใช้โทรศัพท์มือถือนั่นก็คือ สายชาร์จชำรุด
อาจจะเกิดจากการใช้การอ ย่ า งหนัก หรือพันเก็บสายชาร์จไม่ถูกต้อง ทำให้สายไฟหักงอ
บางครั้ทำให้ปลอกสายไฟข าดจนเห็นเส้นสายไฟด้านใน อ ย่ า ได้คิดหาอะไรมาพันทับแล้วใช้ต่อเชียวนะ
เพราะนั่นอาจทำให้เราต้องเจอกับความเสี่ ยง และอั น ต ร า ย ที่ถึงแ ก่ชีวิตได้เลย
ดังนั้นเมื่อเราตรวจสอบพบเจอว่าสายชาร์จมีส่วนชำรุด ถึงจะสามารถใช้ต่อได้
ก็ควรซื้อเปลี่ยนสายชาร์จใหม่มาใช้จะดีกว่า เพื่อความป ล อ ดภั ยของตัวเราเองไงล่ะ
2. ถ้าชาร์จไว้ในขณะหลับ ควรใช้พาวเวอร์แบงค์
ในช่วงเวลาที่นอนนั้นครอบคลุมเวลา 6-8 ชั่ วโมง บางครั้งที่เราชาร์จมือถือคาทิ้งไว้ในเวลาที่นอน
อาจทำให้แบตเต็มก่อนที่เราจะตื่น การชาร์จทิ้งไว้เป็นอั น ต ร า ย มาก และทำให้แบตเ สื่อมเร็ว
แนะนำว่าควรชาร์จกับพาวเวอร์แบงค์จะดีกว่า เพราะกำลังไฟที่ส่งผ่ า นเข้าแบตเตอรี่
จะอ่อนกว่าการเสี ยบชาร์จตรงจากไฟบ้าน แม้จะต้องมีความเสี่ ยงเกิดขึ้น ก็ยังไม่ร้ าย แ ร งมากนัก
3. ไม่ควรชาร์จขณะใช้งาน
นั่นเป็นเพราะว่าการใช้งานขณะเสี ยบชาร์จไปด้วย แบตเตอรี่ต้องทำงานมากกว่าปกติ
เมื่อต้องทำหน้าที่ทั้งสองอ ย่ า งคือ ปล่อยกระแสไฟฟ้า และรับกระแสไฟฟ้า
จะส่งผลให้เกิดความร้อนขึ้นกับมือถือ และจะทำให้แบตเตอรี่นั้นเสื่ อมเร็ว
หากแบตเตอรี่เสื่ อมลงแล้ว ยังคงเสี ยบชาร์จและใช้งานอยู่ต่อไปเรื่อย ๆ
ก็อาจจะทำให้แบตเตอรี่รับแรงดันไฟฟ้าไม่ไหว ทำให้เกิด ร ะ เบิ ด ได้เลย เป็นข่าวให้เห็นกันถมเถไป
4. อย่ าปล่อยให้แบตเตอรี่หมดถึง 0 เปอร์เซ็นต์
เราควรชาร์จแบตเตอรี่มือถือเมื่อเหลือระดับต่ำกว่า 30 เปอร์เซ็นต์
เพราะหากเราใช้งานโทรศัพท์มือถือจนแบตหมดเกลี้ยง จนมือถือดับไปเองบ่อย ๆ นั้น
ในการชาร์จไฟแต่ละครั้ง จะทำให้แบตเตอรี่เสื่ อมเร็วมากขึ้นเรื่อย ๆ ปัจจุบันมีมือถือหลายรุ่นที่เซฟตัวเอง
จะทำการปิดตัวเองลงก่อนที่แบตจะหมด ดังนั้นการชาร์จแบตที่ดี ควรชาร์จก่อนที่มือถือดับลงจะดีกว่า
เป็นการช่วยถนอมแบตเตอรี่ให้มีอายุการใช้งานได้ย าวขึ้น
5. ที่ชาร์จต้องได้มาตราฐาน และมีตรา มอก.
สัญลักษณ์ มอก. คือ สัญลักษณ์ที่แสดงถึงมาตราฐานอุตสาหกร รม ซึ่งเราควรคำนึงถึง
และให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก เพราะการที่เราเลือกใช้สายชาร์จปลอม หรือไม่มีคุณภาพ
ไม่ผ่ านมาตราฐาน มอก. สายชาร์จนั้นอาจจะราคาถูกจริง แต่ก็สามารถทำให้เกิดอั นตราย
ถึงขั้นไฟฟ้าลัด วงจรได้อยู่บ่อยครั้ง ซึ่งเป็นอั นตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินเป็นอย่ างมาก
6. อย่ าชาร์จในที่ที่มีความร้อนสูง
เพราะเพียงแค่เราชาร์จก็สร้างความร้อนให้แ ก่แบตเตอรี่ได้แล้ว หากนำไปชาร์จในที่ที่มีความร้อนสูง
ก็เหมือนเป็นการเพิ่มความร้อนให้ตัวแบตเตอรี่เพิ่มเข้าไปอีก หากแบตเตอรี่ไม่อาจต้านทานความร้อนได้
ก็จะทำให้แบตเสื่ อมสภาพเร็ว และอาจทำให้เกิดการระเ บิดของแบตเตอรี่เกิดขึ้น ก่อให้เกิดอั นตรายได้ในที่สุด
7. ปิดเครื่องบ้างหากไม่ได้ใช้งาน
การปิดเครื่องโทรศัพท์นั้น จะช่วยทำให้แบตเตอรี่สามารถที่จะฟื้นฟูตัวมันเองได้ เหมือนการนอนหลับพักผ่อน
หากเรามีความจำเป็นต้องใช้มือถืออยู่ตลอดเวลา ก็ควรปิดบ้างอาทิตย์ละ 1 ครั้งก็ยังดี หรือปิดในช่วงเวลาที่เรานอนหลับ
เพราะเวลานั้นเราไม่จำเป็นต้องใช้มือถืออยู่แล้ว หากต้องใช้มือถือในการตั้งปลุก ปัจจุบันก็สามารถปลุกได้
ทั้ง ๆ ที่เครื่องยังปิดอยู่ และไม่ต้องกลัวข้อมูลหาย เพราะพอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมา ทุ กอย่ างมันแจ้งเตื อนอยู่แล้ว
ไม่ว่าจะเป็นเฟซบุ๊ก ไลน์ หรืออินสตาแกรม แม้กระทั่งสายโทรเข้า ข้อความทางโทรศัพท์
ข้อมูลต่าง ๆ มันเก็บไว้อยู่แล้วในเวลาที่เราปิดเครื่อง เพราะฉะนั้นสบายใจได้เลยว่าจะข าดการติ ดต่อสื่อส า ร
เพียงแต่เวลาเรานอน ก็ปล่อยให้มันได้พักผ่อนบ้างก็เท่านั้นเอง
หากทำสามารถปฏิบัติได้ตามนี้ ก็จะเป็นการถนอมแบตเตอรี่มือถือไม่ให้เสื่ อมเร็ว
และมีอายุการใช้งานที่ย าวนานมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยป้องกันอั นตราย
ที่จะเกิดขึ้นจากความเสื่ อมของแบตเตอรี่ได้อีกด้วย
ขอบคุณที่มา : krustory