1. “นั่นไม่ใช่งานของดิฉัน / ผม”
เหตุผล: ถ้าเป็นการโยนงานมาจากเจ้านาย
ก็แปลว่านายต้องการความช่วยเหลือจากคุณนั่นแหละ
รับทำเพื่อเก็บเป็นโปรไฟล์ที่ดีติ ดตัวไว้เถอะสิ่งที่ควรพูดที่สุด
อย่ าเพิ่งปฏิเสธเจ้านาย (หรือใครก็ตาม) แบบมะนาวไม่มีน้ำ
ถ้าทำไม่ไหวจริง ๆ ควรออกตัวด้วยประโยคทำนองว่า
ตอนนี้มีงานหลายชิ้นที่ยังไม่เสร็จ
เกรงว่าหากมีงานใหม่เข้ามาอาจทำให้ส่งงานช้าลง
หรือหากทำเร็วกว่ากำหนดคุณภาพอาจไม่ดีพอ
จากนั้นเจรจาขอให้เจ้านายลดงานเก่าที่คั่งค้างอยู่
หรือเลื่อนกำหนดส่งออกไป เป็นต้น
2. “ฉันมีเรื่องจะเ มาท์ ”
เหตุผล: คงไม่ดีแน่หากชื่อเสี ยงของคุณจะเป็นที่โจษจันไปทั่วออฟฟิศว่าคุณเป็นเจ้ากรมข่าวลือ
และชอบแอบเ มาท์แ ทงคนอื่นลับหลังประจำ
สิ่งที่ควรพูดที่สุด: เข้าใจว่าความคันปากไม่เข้าใครออกใคร
แต่ถ้าพูดไปแล้วไม่มีประโยชน์ สู้ตั้งหน้าตั้งตาทำงานไม่ดีกว่าหรือ
3. “ฉันมีไอเดียหนึ่งอย ากจะแชร์ แต่อาจฟังดู โ ง่ ๆ คือว่า”
เหตุผล: การพูดออกตัวเช่นนี้ถือเป็นการบั่ นทอน ความน่าเชื่อถือในสิ่งที่กำลังจะพูด
สิ่งที่ควรพูดที่สุด: ตัดคำพูดออกตัวที่อาจฟังดูติ ดลบออกไป
แล้วให้ลุยในเรื่องที่อย ากจะพูดอย่ างมั่นใจที่สุด
4. “ฉันไม่มีเวลาพูดกับเธอหรอกนะ”
เหตุผล: เป็นประโยคที่ฟังหย าบคาย (ไม่) ได้ใจมาก ๆ
ไม่เหมาะทั้งพูดต่อหน้าและทางโทรศัพท์
สิ่งที่ควรพูดที่สุด: เดี๋ยวนะเธอ ฉันใกล้จะเสร็จงานนี้แล้ว
อีกสัก 10 นาที (หรือเท่าไรก็ว่าไป) เราค่อยคุยกันไหม
5. “ทำงานมาตั้งหลายปี ไม่เห็นขึ้นเงิ นเดือนให้เสี ยที”
เหตุผล: การพิจารณาขึ้นเงิ นเดือน เจ้านายไม่ได้เอาอายุงาน
มาเป็นเครื่องวัด หากประเมินกันที่ผลงานมากกว่า
สิ่งที่ควรพูดที่สุด: หากได้โอกาสเหมาะและอย ากจะพูดเรื่องนี้จริง ๆ
ควรนำผลงานชิ้นโบแดงมาสนับสนุนด้วย จะทำให้มีน้ำหนักมากขึ้น
6. “ไล่ดิฉัน / ผมออกสิ แล้วคุณจะเสี ยใจ”
เหตุผล: เป็นประโยคที่บ่งชี้ว่าคุณใช้อ ารมณ์อยู่เหนือเหตุผล
เพราะมีเจ้านายจำนวนหยิบมือ (หนึ่งเปอร์เซ็นต์หรือน้อยกว่า)
ที่จะเสี ยใจจริงดังว่า ฉะนั้นการพูดออกไป
จะมีโอกาสเสี่ ยงถูกเจ้านายอัปเปหิตามคำขอสูงทีเดียว
สิ่งที่ควรพูดที่สุด: ควรคิดก่อนพูด อย่ าทะนงตนว่าคุณทำงานเก่ง
เพราะการอยู่ร่วมกันในที่ทำงานนั้นมีเส้นบาง ๆ ที่แบ่งบทบาท
และความรับผิดชอบชัดเจน ถ้าคุณล้ำเส้น อะไร ๆ ก็เกิดขึ้นได้
ขอบคุณที่มา : jingjai999