1. แม่ต้องขิ้เกียจขยับมือสอนให้ลูกเรียนรู้จักพึ่งพาตัวเอง
คุณแม่เจียเจียได้เล่าประสบการณ์ว่า เธอจะไม่เข้าไปช่วยลูกในสิ่งที่พวกเขาทำได้เอง
เช่น เมื่อห้องนอนของเจียเจียไม่เป็นระเบียบแม่จะเตื อนเจียเจียว่าควรจัดห้องยังไง
เพื่อให้เป็นระเบียบ และจะให้ลูกทำเองในช่วงเปิดภาคเรียน
คุณครูขอให้นักเรียนห่อปกหนังสือเรียนเล่มใหม่ของเทอมนี้
แต่เจียเจียทำไม่เป็นแม่จึงสอนเจียเจียห่อเป็นตัวอย่ างจากนั้นก็ปล่อยให้เจียเจียได้ทำเองทั้งหมดเจียเจียไม่อย ากห่อเอง
จึงไม่ยอมขยับมือแม่ก็ไม่สนใจอะไรเธอได้แต่ยืนอยู่ข้าง ๆ พร้อมชี้นิ้วบอกให้ทำแต่ไม่เข้าไปช่วยห่อ
ทำให้เจียเจียต้องนั่งห่อเองทั้งหมด แม่ของเจียเจียพูดว่า
“ความจริงถ้าฉันจะเข้าไปช่วยห่อจะประหยัดเวลาได้มากเลยล่ะแต่เจียเจียจะไม่มีวันเรียนรู้ที่ห่อปกหนังสือได้
ด้วยตัวเองฉะนั้นนี่เป็นวิ ธีที่ดีที่สุดคือปล่อยให้เจียเจียห่อเองถึงจะห่อไม่เรียบร้อยก็เถอะ”
ประสบการณ์ของครูพบว่า : “แม่ขิ้เกียจ” ไม่เคยขยันหมั่นเพียรในการช่วยลูกในการทำสิ่งต่าง ๆ
แต่ให้ลูกได้พึ่งพาอาศัยตัวเองช่วยเหลือตัวเองได้ และไม่เฉยเมยต่อการฝึกฝน
คือการสร้างความรับผิดชอบให้กับลูกได้เป็นอย่ างดี
2. แม่ต้องขิ้เกียจบ่นหรือพูดมาก ให้ลูกเรียนรู้ที่จะเติบโตด้วยตัวเอง
พ่อแม่หลายคนชอบสร้างความคาดหวังในตัวลูกมากไปอย ากให้ลูกทำตามสิ่งที่ตัวเองต้องการ
เพราะคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ดีแต่การทำเช่นนี้จะทำให้ลูกรู้สึกอึดอัด และกลายเป็นไม่อย ากฟัง
และทำเป็นหูทวนลม ไม่ใส่ใจกับสิ่งที่พ่อแม่พูดเลยแต่มีครอบครัวหนึ่ง ที่กลับทำตรงกันข้ามเลย
ในช่วงสุดสัปดาห์ ฮาวฮาวเล่นเกมเป็นเวลานานมากและไม่ทำการบ้าน
แม่จึงถามว่า “ลูกกะจะเล่นเกมถึงกี่โมง” ฮาวฮาวตอบว่า : ขอเล่นอีก 10 นาทีนะแม่
แม่ตอบกลับไปว่าได้ ต้องรั กษาคำพูดนะเมื่อผ่ านไป 10 นาที แม่ก็เดินกลับมาดูอีก
ฮาวฮาวก็ยังคงนั่งเล่นอยู่ที่เดิมและแม่โกรธมากแต่ก็ต้องสงบสติ อ ารมณ์ และพูดอย่ างใจเย็นว่า
“ปกติลูกเป็นคนรั กษาคำพูดไม่ใช่เหรอ” ในตอนนั้นฮาวฮาวก็เริ่มรู้สึกผิดจากนั้นก็เดินไปปิดสวิทช์และรีบไปทำการบ้านนั้น
เป็นเพราะว่าก่อนหน้านั้น แม่ของฮาวฮาวเคยพูดหลายรอบเกี่ยวกับนิทานเรื่อง “การเป็นคนน่าเชื่อถือ”
และ นั้นก็ทำให้ฮาวฮาวค่อยซึมซับเข้าไปปกติแม่จะเป็นคนที่ให้ความสำคัญ ในเรื่องการอ่ านหนังสือเป็นอย่ างมาก
จึงได้ซื้อนิทานสร้างแรงบันดาลใจให้อ่ านมากมายและจากนิทานเหล่านี้ทำให้ฮาวฮาวเรียนรู้ที่จะนำมาใช้กับตัวเอง
เสริมสร้างนิสัยของตนเอง อดทน อดกลั้น ทำให้ตนเองเป็นคนที่มีคุณภาพยิ่งขึ้น
ประสบการณ์ของครูพบว่า : “แม่ขิ้เกียจ” ไม่ขยันที่จะบ่นทั้งวันแต่ใช้เหตุผลในการพูดคุย
เพราะเธอรู้ดีว่าลูกไม่ชอบการบ่น แต่เธอขยันในการหาวิ ธีในการรับมือเพื่อปลูกฝังสิ่งที่ดีให้กับลูก
3. แม่ต้องขิ้เกียจไม่เข้าไปช่วยลูกทำการบ้าน
มีคุณแม่ท่านหนึ่งเล่าประสบการณ์ว่า ตนเองไม่เคยไปสอนการบ้านให้ลูกชาย
แม่จะเตื อนลูกมากกว่าว่าเวลาไหนควรไปทำการบ้านเมื่อทำเสร็จแล้วก็บอกแม่คำหนึ่งก็พอ
ส่วนการตรวจว่าลูกชายทำถูกหรือไม่นั้นเป็นหน้าที่ของตัวเขาเอง หรือ ให้เรียนรู้ว่าถูกผิดจากที่โรงเรียน
แม่มีหน้าที่เพียงเซ็นชื่อก็แค่นั้นในตอนแรกลูกชายไม่พอใจ โดยพูดว่า
“แม่ของคนอื่นจะช่วยตรวจการบ้านให้ด้วย ทำไมแม่ขิ้เกียจแบบนี้ล่ะ”
เลยตอบลูกชายไปว่า “ไม่ใช่เพราะแม่ขิ้เกียจหรอกลูกคิดดูนะ ถ้าแม่ช่วยลูกตรวจการบ้าน แล้วลูกจะรู้ได้อย่ างไรว่าผิดตรงไหน
แล้วต่อไปลูกจะตรวจเองเป็นไหมเมื่อไปสอบถ้าผิดลูกจะรู้ไหมว่ามันผิดตรงไหนบ้างจำไว้นะ
ว่าในตอนนั้นไม่มีใครสามารถมาช่วยลูกตรวจได้ ลูกจะได้ฝึกการตรวจความถูกต้อง และ เรียนรู้ด้วยตนเอง”
ในห้องเรียนลูกจะเจอบทเรียนก่อน และ จึงจะได้ทำข้อสอบแต่ในโลกแห่งความจริงลูกจะได้เจอบททดสอบก่อน
แล้วถึงจะได้บทเรียนนี่คือสิ่งที่ลูกต้องเรียนรู้ เธอสอนให้ลูกรู้จักพึ่งตนเอง เมื่อเจอปัญหาก็ต้องคิดใคร่ครวญด้วยตัวเอง
ถ้าคิดไม่ออกจริง ๆ ค่อยขอคำแนะนำจากแม่ได้
ประสบการณ์ของครูพบว่า : “แม่ขิ้เกียจ” ไม่เคยชี้นำลูกให้เรียนรู้ แต่ปล่อยให้ลูกทำอย่ างอิสระ คิดอย่ างอิสระ แต่เธอก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ
เธอยังให้ความสนใจกับลูก และใช้วิ ธีการที่ชาญฉลาดเพื่อช่วย เมื่อลูกมีปัญหามันสอนให้รู้ว่า
ผู้ปกครองควรที่จะปล่อยลูกของตนเองบ้างในเวลาอันสมควร ให้เขาได้เรียนรู้และใช้ชีวิตของตนเองอย่ างเต็มที่
สิ่งที่ตัวอย่ างแม่ ๆ ทั้งหลายทำนั้น มันเป็นวิ ธีในการปลูกฝังลูกได้ดีมาก
เพื่อให้เขาสามารถเติบโตได้ด้วยตัวเองพ่อแม่ทุ กคนมักจะกังวลกับลูก
จนไม่กล้าปล่อยให้ลูกได้เรียนรู้ด้วยตัวเขาเอง
ขอบคุณที่มา : create-readingth