สามีภรรย าคู่หนึ่ง ได้ไปเที่ยววันหยุดย าวบนเรือสำราญในขณะที่เรือ
กำลังล่องไปตามแผนการที่เตรียมไว้ ก็เจอกับมรสุมลูกใหญ่
ทำให้เรือสำราญค่อย ๆ จมลงทะเล ทุ กคนต่างหนีเอาตัวรอดกันวุ่นวาย
ระหว่างนั้น สามาภรรย าก็กระเสือกกระสนเพื่อไปถึงเรือชูชีพแต่เรือชูชีพลำสุดท้าย เหลือที่ว่างเพียงที่เดียว
สามีภรรย าหันมามองหน้ากัน ทันใดนั้นสามีก็ผลักภรรย าไปข้างหลัง
แล้วสามีก็โดดขึ้นเรือชูชีพภรรย าได้แต่มองตามสามี พร้อมกับตะโกน
บอกสามี ด้วยประโยคที่ว่า…เมื่อคุณครูเล่ามาถึงตรงนี้ ก็ถามนักเรียน
กลับไปว่า “พวกเธอคิดว่า ภรรย าจะตะโกนบอกสามีว่าอะไร ลองทายกันดูซิ”
นักเรียนหลายคนพากันไม่พอใจที่คนเป็นสามีทำแบบนั้น ต่างพากัน
โกรธเกรี้ยวและตอบคุณครูไปว่า “ฉันเ ก ลี ย ดคุณ คุณเป็นคนที่เห็นแ ก่ตัวมาก”
แต่กลับมีนักเรียนคนหนึ่งที่นั่งเงียบ ไม่แสดงความคิดเห็นอะไรเลย
คุณครูสังเกตเห็น จึงหันไปถามนักเรียนคนนั้นนักเรียนคนนั้นจึง
ตอบกลับมาว่า “หนูคิดว่า เขาคงบอกสามีว่า ดูแลลูกเราดี ๆ นะ”
คุณครูต กใจ ที่นักเรียนคนนี้ตอบถูก แล้วถามนักเรียนคนนั้นว่า
“เธอรู้ได้ยังไง เธอเคยได้ยินนิทานเรื่องนี้แล้วใช่ไหม?” นักเรียนส่ายหัว แล้วบอกคุณครูว่า
“เปล่าค่ะ แต่หนูนึกถึงตอนที่แม่ของหนูป่ ว ยหนัก
ก่อนที่ท่านจะเ สีย ท่านได้บอกกับพ่อหนูไว้แบบนี้ค่ะ”
อาจารย์ซึ้งในคำตอบของนักเรียน พร้อมกับเล่านิทานเรื่องนี้ต่อไป
ว่าคำตอบของเพื่อนถูกต้องแล้ว หลังจากที่เรือจมลงไปใต้ทะเลสามี
ได้กลับมาถึงบ้ านอย่ างปลอดภัย เขาเลี้ยงดูลูก ๆ ตามลำพังจนเติบใหญ่
10 ปีผ่ านไป ผู้ชายคนนี้ก็ป่ ว ยหนัก และจากลูก ๆ ไปในที่สุด
ลูกสาวได้จัดข้าวของผู้เป็นพ่อและได้ไปเจอกับไดอารี่ที่พ่อเขียนบันทึกไว้
เมื่อตอนที่พ่อได้ไปเที่ยวเรือสำราญกับแม่
ตอนนั้นแม่ได้ป่ ว ยอยู่ และจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน และด้วยช่วงเวลา
แห่งความเป็นความ ต า ยพ่อจึงฉวยโอกาสนั้นเพื่อที่จะมีชีวิตรอดอยู่ต่อไป
พ่อได้เขียนในไดอารี่ไว้ว่า…“ณ เวลานั้น ฉันอย ากที่จะจมไปใต้ทะเล
พร้อมกับเธอแต่ฉันก็ต้องเลือกทิ้งเธอไว้ใต้ทะเลคนเดียว เพื่อลูกสาวของเรา”
เมื่อนิทานจบลง นักเรียนในห้องต่างเงียบกริบคุณครูรู้ดีว่า นักเรียน
ทุ กคนเข้าใจความหมายของการเล่านิทานเรื่องนี้
ในบางครั้ง ความดี และ ความชั่ ว ในโลกใบนี้ ก็ช่างดูสับสนเหลือ
เกินมันดูไม่ชัดเจน แยกแยะไม่ออก…
เพราะฉะนั้น…เราจึงไม่ควรไปตัดสินคนอื่น แค่สิ่งที่เห็นแบบผิวเผิน
เพราะเราไม่รู้เลยว่า ในสิ่งที่เขาตัดสินใจทำลงไปนั้นเขาอาจจะมีเหตุผล
ของเขาซ่อนไว้ข้างหลังอยู่อีก โดยที่เราก็ต่างคาดไม่ถึงตัวอย่ างเช่น
นิทานเรื่องนี้ ที่สามีต้องเอาชีวิตรอด อยู่ต่อเพื่อดูแลลูกสาวต่อไป
เพราะพวกเขาทั้งสองรู้ดีว่า ภรรย าป่ ว ยหนัก มีเวลาเหลืออีกไม่นานที่จะอยู่เลี้ยงดูลูกได้
คนที่ยอมช่วยเหลือคุณทุ กครั้งที่ขอ ไม่ใช่เพราะเขาติ ดค้างอะไรคุณ
แต่เขาเห็นคุณเป็นเพื่อนแท้ เป็นคนสำคัญของเขาเวลาที่ทะเลาะกัน
คนที่ขอโ ทษก่อน ไม่ใช่คนผิดเสมอไปแต่เพราะว่าเขารู้จักถนอม
และรั ก ษ าความสัมพันธ์ของคนรอบข้างในเวลาทำงาน คนที่ยอมเหนื่อยทำงานมากกว่าคนอื่น
ขอบคุณที่มา : yimpann