วันนี้เราอย ากที่จะพาเพื่อน ๆ ไปเรียนรู้วิ ธีการผ่อนบ้านให้ยอ ดห นี้บ้านนั้นหมดเร็ว เพื่อให้เราพอมีเงิ นเหลือไปใช้จ่ายในเรื่องอื่น ๆ กับบทความ วิ ธีผ่อนบ้านให้หมดเร็ว สิ่งที่ธนาคารไม่เคยบอ ก ไปดูกันว่าจะต้องทำอย่ างไรบ้าง เพื่อให้เรามีเ งินใช้จ่ายที่เพียงพอต่อรายจ่าย และยังมีเ งินเหลือเก็บได้อีกด้วย
บ้านเป็นได้ทั้งท รั พ ย์สินและห นี้สินด้วยหากเรายังจ่ายไม่หมดจะเรียกเต็มปากว่าเป็นท รั พ ย์สินคงไม่ได้ หล า ยคนอาจกำลังมองหาวิ ธีที่จะทำให้ผ่อนบ้านได้หมดเร็ว หาวิ ธีการผ่อนแบบไม่ต้อง ป ว ดหัวมากนักเพราะว่าห นี้ผ่อนบ้าน มันไม่ได้น้อยเลย อย ากให้คุณได้ลองอ่ านบทความนี้ให้จบอาจจะทำให้ได้ไอเดียดี ๆ ในการผ่อนบ้านได้เร็วมากขึ้น
วิ ธีการผ่อนบ้านให้หมดเร็วขึ้น
ซึ่งวิ ธีการนี้ก็มีคนนำมาแช ร์แบ่งปันให้ได้นำไปปรับใช้กันได้ ซึ่งปกติแล้วเวลาผ่อนบ้านนั้นก็จะต้องก้มหน้าก้มต าผ่อนไปเรื่อย ๆ ต ามที่ธนาคารแจ้งต ารางการผ่อน มา ซึ่งยิ่งนานวันเข้าเราก็จะยิ่งเหนื่อยมากเวลาหาเ งิน มาไว้เพื่อผ่อนบ้านในแต่ละเดือน ผ่อนไปเท่าไหร่ก็ไม่จบสักที ซึ่งวิ ธีที่จะช่วยให้เราไม่ต้องท้อในการผ่อนบ้านและช่วยให้หมดได้นั่นก็ให้ลองทำแบบนี้
ก่อนอื่นต้องรู้ว่าดอ กเบี้ยบ้านเราขอลดได้เหมือนกันนะ ซึ่งเราจะได้เงิ นประกันบางส่วนคืนกลับมา ซึ่งเงิ นนี้ส่วนใหญ่จะโดนบังคับให้ทำตอนที่กู้อยู่แล้ว ธนาคารก็จะอ้างไปว่าจะทำให้ ผ่ า น การอนุมัติง่ายขึ้น แต่เราจะปฏิเสธไม่ทำก็ได้นะ
ต ามสัญญาการผ่อนบ้านนั้น มักจะระบุว่าห้ามโปะห นี้หรือปิดห นี้ก่อน 3 ปี ซึ่งเราก็เอาหลักการนี้ไปใช้ได้เหมือนกัน นั่นคือพอมันครบ 3 ปีแล้วก็ไปขอลดดอ กเบี้ย หากไม่ลดให้เราก็บอ กเลยว่าจะขอย้ ายแผนไปรีไฟแนนซ์ที่อื่น
เพราะยังมีธนาคารอื่นอีกเยอะรอเราอยู่ เป็นการให้ที่อื่น มาโปะตรงนี้แล้วเราก็ไปเป็นห นี้เจ้าอื่นแทน ซึ่งพอเป็นแบบนี้เขาจะพย าย ามคุยและพย าย ามรัก ษาลูกค้าไว้โดยการให้ Retention หรือลดดอ กเบี้ยนั่นเอง
วิ ธีการขอลดด อ กเบี้ยกับธนาคาร
เวลาไปติ ดต่อเจรจากับธนาคารเพื่อขอลดดอ กเบี้ยนั้น จะต้องพูดให้คุณนั้นได้เปรียบอยู่อย่ าพย าย ามทำตัวด้อย ก็เดินเข้าไปแล้วแจ้งเลยว่าต้องการลดดอ กเบี้ย เป็นลูกค้าชั้นดี ไม่มีประวัติเสี ย ชำระตรงมาตลอ ด ตอนนี้ครบ 3 ปีแล้วก็ต้องการขอลดดอ กเบี้ย
หากไม่ให้ก็จะไปรีไฟแนนซ์ ก็อย่ าลืมเช็คดอ กเบี้ยที่อื่นไปด้วยสัก 4 – 5 แห่ง เพื่อไปเป็นข้อต่อรองกับธนาคารได้ ที่ไหนถูกกว่าเอาข้อมูลมาเลย พนักงานจะเห็นว่าเราเริ่มมีความรู้ ซึ่งเขาอาจจะลองถามดูว่าเรารู้จริงไหม ก็บอ กไปสัก 1 ธนาคารที่คุณหาข้อมูลมา เอาแบบที่ดอ กเบี้ยถูกสุด ต่ำสุดเลยนะ หรือจะเขียนใส่กระดาษไปเลยก็ได้เหมือนกัน
พอเป็นแบบนั้นทางพนักงานธนาคารจะออฟเฟอร์ดอ ก เบี้ยใหม่ให้นั่นเอง ซึ่งอาจจะแพงกว่าธนาคารอื่นนิดหน่อย เพราะว่าหากเราไปรีไฟแนนซ์ใหม่เราก็มีค่าใช้จ่ายเพิ่มอยู่ดี ข้อนี้ธนาคารรู้ดีอยู่แล้วเลยไม่มีทางจะลดต่ำได้เท่า แต่ก็ยอมลดดอ กเบี้ยให้
ต่อให้ยังแพงกว่าที่อื่นแต่ก็ลดให้แล้ว ก็ถือว่าดีเพราะอย่ างน้อยก็สะดวกสบายไม่ต้องทำเรื่องใหม่กับที่อื่น ซึ่งพอเราได้ลดดอ กเบี้ยแล้ว พนักงานก็จะถามว่าให้เริ่มคิดตั้งแต่เดือนไหน ซึ่งเราควรไปติ ดต่อขอลดดอ กเบี้ยก่อนที่จะครบ 3 ปีล่วงหน้าสัก 1 – 2 เดือนนะ เวลาไปเช็กดูดอ กเบี้ยของธนาคารอื่นในแต่ละแห่งนั้นให้คำนวณในระยะเวลา 3 ปี
ที่เหลือจะผ่อนข้างหน้าต่ำสุด ซึ่งไม่ควรจะดูที่ 0% 3 เดือนแรกนะ ให้คำนวณเลย 3 ปีหลังจากนั้นทุ ก 3 ปีก็ใช้วิ ธีเดิมได้เลยจะได้ลดดอ กเบี้ยอีก แต่ยอ ดห นี้บ้านของเราจะต้องเกิน 1 ล้านบาทนะถึงจะขอลดดอ กเบี้ยได้ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละที่ด้วย
เวลาเราไปขอลดดอ กเบี้ยนั้นบางธนาคารไม่ลดให้เราเลยก็มี เพราะเขามองเห็นเราว่าไม่รู้เรื่องอะไรเลยก็ยังฟั น เ งิ น ด อ ก เ บี้ ย จากเราได้เรื่อย ๆ ฉะนั้นแล้วควรจะเช็คดอ กเบี้ยที่อื่นไปเปรียบเทียบให้เขาเห็นว่าเรารู้ช่องทางในการลดดอ กเบี้ยได้ทางอื่น หล า ยคนเดินเข้าไปขอแบบไร้ข้อมูล มันก็ไม่ได้นะ ในการรีไฟแนนซ์ที่ใหม่ก็เลือ กให้ดีบางที่ก็ไม่
ได้ลดอะไรมากมายเลย และเราควรจะไม่เป็นห นี้ก้อนใหญ่จากที่ไหนด้วย อย่ างห นี้บัตรเครดิต เป็นต้น สำหรับเงิ นประกันที่เราเต็มใจทำหรือจะโดนบังคับก็ดี ในสัญญาจะระบุว่าก้ ูบ้าน 30 ปี แต่ว่าบางคนก็ผ่อนหมดเร็วกว่านั้น เพียง 17 ปีก็หมดแล้ว ฉะนั้นก็ต้องไปคุยกับธนาคารว่า ได้คุ้มครองแค่ 17 ปีเท่านั้นเหลืออีกตั้ง 13 ปี
ที่ไม่ได้คุ้มครอง เราผ่อนจนครบแล้วขอเคลม 13 ปีที่เหลือคืนเป็นเ งิน ซึ่งมันจะได้ไม่เต็มแน่นอน ทางธนาคารอาจจะยื่นข้อเสนอให้เราคุ้มครองต่อ หากไม่รับก็แจ้งไม่รับและขอเคลมเป็นเงิ นไปเลยได้เท่าไหร่ก็เอามา
สำหรับคนที่ต้องการจะให้ประกันคุ้มครองต่อก็ให้แจ้งชื่อผู้รับประโยชน์ใหม่ไปเลย เพราะชื่อเก่าคือธนาคารก่อนที่เราจะผ่อนหมด ฉะนั้นก็ลองคิดให้ดีว่าจะเคลมเป็นเงิ นหรือจะคุ้มครองต่อ เพราะว่าบางทีเราก็ลาโลกไปแล้ว เอาเ งินออ กมาใช้ทำอย่ างอื่นก็อาจจะมีประโยชน์มากกว่า
รู้จัก Retention และ Refinance
Retention เป็นการขอเปลี่ยนอัตราดอ กเบี้ยเ งินก้ ูและค่าผ่อนบ้านที่ต่ำกว่ากับธนาคารเดิม แต่ Refinance นั้นเป็นการขอเปลี่ยนอัตราดอ กเบี้ยเงิ นก้ ูและค่าผ่อนบ้านที่ต่ำกับธนาคารใหม่ หากทำกับที่เดิมได้ก็จะทำให้เราไม่ต้องเพิ่มค่าใช้จ่ายอะไร
แต่จะต้องขอลดดอ กเบี้ยให้ได้ด้วยนะ หากไม่ลดยังไงการย้ ายที่ใหม่ก็ดีกว่า แต่อาจจะมีค่าธรรมเนียมสินเชื่อ 1% ของวงเงิ นก้ ู หากประวัติไม่ดีไปขอที่ใหม่ก็อาจจะไ ม่ ผ่ า นเหมือนกัน ฉะนั้นหากเลือ กที่จะย้ ายก็ต้องมั่นใจว่าประวัติ ดีด้วย ก็ลองนำข้อมูลเหล่านี้ไปเปรียบเทียบและพิจารณาลองดู
ซึ่งเป็นวิ ธีการที่ทำให้เราประหยัดเ งินได้เยอะเลย หรือบางคนก็ได้เ งินประกันคืนกลับมานั้นหลักแสนเลย ก็นำไปใช้ประโยชน์ได้ หากคุณผ่อนบ้านไปเรื่อย ๆ แบบไม่ทำอะไรเลย ก็จะยิ่งทำให้ดอ กเบี้ยนั้นแพงขึ้น ฉะนั้นก็อย่ าลืมไปขอลด มันเป็นสิ่งที่เราขอทำได้อยู่แล้ว
ขอบคุณที่มา : narukdee