Home ข้อคิดดีๆ เลี้ยงลูกแบบคนจน อย ากให้พ่อแม่ได้อ่ าน

เลี้ยงลูกแบบคนจน อย ากให้พ่อแม่ได้อ่ าน

1 second read
ปิดความเห็น บน เลี้ยงลูกแบบคนจน อย ากให้พ่อแม่ได้อ่ าน
0
728

ในวันนั้นผมได้พาลูกไปร้านเครื่องเขียนแห่งหนึ่ง ลูกของผมอย ากได้กล่องดินสอ มองหน้าพ่อแล้วบอกว่าอย ากได้แบบนี้แบบนี้ ลูกของผมเลือกแบบหรูหรา แต่ผมให้ซื้ อแค่

แบบธรรมดาที่ใช้งานได้เหมือนกัน ลูกทำหน้างอทันที ร้องอย ากได้ไม้บรรทัด ก็อย ากได้แบบสวยงาม แต่ผมก็ให้เลือกแบบแค่พื้นฐานใช้งานได้เหมือนกันเพียงเท่านั้น

ลูกก็ทำหน้าหงิกหน้างอเข้าไปอีก ผมไม่ได้ว่าอะไร ตั้งใจก่อนนอนคืนนี้ จะชี้แนะลูกด้วยการเล่านิทานเปรียบเปรย ให้เข้าใจหลังจากได้เป็นพ่อคนแล้ว ผมตั้งใจจะเลี้ยงลูก

ไม่ให้เหมือนแบบที่ชาวเอเชียเขานิยมทำกัน ที่มักไม่ยอมให้ลูกลำบาก ดูแลปกป้องแบบไข่ในหิน ประคบประหงมเกินพอดีหลายปีผ่ านไป ผมรู้สึกว่าวิ ธีการเลี้ยงลูกของผม

จะลำบากมากขึ้นทุ กวัน จนกระทั้งวันหนึ่ง ผมได้อ่ านจดหมายเปิดผนึกฉบับหนึ่งที่โพสต์ลงในบอร์ดของมหาวิทย าลัยนานกิง จดหมายจากผู้ใช้นานว่า “พ่อผู้ขมขื่น”

เขียนถึงลูกเขาที่เป็นนักศึกษาในมหาวิทย าลัยนั้น แต่ไม่ได้เปิดเผยชื่อลูก จดหมายฉบับนี้มีคุณค่ามากในสายตาของผม ถึงลูกรักของพ่อแม้ลูกจะทำให้พ่อทุ กข์ใจเกินบรรย าย

แต่ลูกก็ยังเป็นลูกของพ่ออยู่วันยังค่ำหลังจากที่ลูกสามารถสอบเข้ามหาวิทย าลัยได้แล้ว อาจเป็นเพียงคนเดียวของตระกูลเราในรอบหลายชั่ วอายุคนที่ทำได้สำเร็จ หลังจากนั้น

พ่อชักไม่แน่ใจว่าต กลงใครเป็นพ่อ และใครเป็นลูกกันแน่ต่อมลูกหมากของผมลดลง 3 เท่าเมื่อลองทำวิ ธีรั กษาวิ ธีนี้ พ่อช่วยแบกสัมภาระไปส่งลูกถึงหอพัก ช่วยกางมุ้ง ปูที่นอน

ซื้ อกับข้าวกับปลา ต้องสอนแม้กระทั่งวิ ธีบีบย าสี ฟั น ออกจากหลอด ทั้งหลายทั้งปวง ดูเหมือนว่ามันเป็นหน้าที่ที่พ่อสมควรต้องทำให้ ไม่ได้ยินคำว่าขอบคุณสักคำจากลูก

ตั้งแต่ต้นจนจบ รู้สึกด้วยซ้ำว่าเป็นเกียรติอันยิ่งใหญ่ที่พ่อผู้ด้ อยความสามารถคนนี้มีโอกาสได้รับใช้ลูกทูนหัว ที่บัดนี้ได้เป็นนักศึกษาผู้ทรงเกียรติไปแล้วปีแรกทั้งปี ที่บ้าน

ได้รับจดหมายจากลูกสามฉบับ ข้อความรวมกันแล้วอาจย าวกว่าข้อความในโทรเลขหนึ่งฉบับสักหน่อย ข้อความย่นย่อ ลายมือ
หวัดอ่ านย าก มีแต่คำว่า “เงิ น” นี่ตั้งใจเขียน

ได้ชัดเจนที่สุดพอขึ้นปีที่สอง จดหมายมาแบบถี่ ๆ ล้วนขอเงิ นเพิ่ม ลีลาการเร่งเร้าให้ส่งเ งิน ข้อความที่เรียกร้องความเห็นใจ รับรู้ได้ถึงว่า หากเรียนจบแล้ว ลูกสามารถ

ไปยึดอาชีพเป็นพวกเจ้าหน้าที่เร่งรัดห นี้สินได้เยี่ยมแน่นอนแต่สิ่งที่ทำให้พ่อเ จ็ บ ป วดที่สุดนั้น มาจากการที่ลูกอาจหาญถึงขั้นปลอมแปลงตัวเลขจำนวนเงิ นที่ต้องจ่ายค่า

หน่วยกิตของมหาวิทย าลัย ไม่คิดว่าลูกจะใช้วิ ธีนี้ มาหลอกลวงเงิ นท องจากผู้เป็นพ่อแม่ที่ให้กำเนิด เลี้ยงดู รักใคร่ลูกมาตลอด เพียงเพื่ออย ากได้เงิ นเพิ่ม ไปเที่ยวผับ

เที่ยวบาร์และร้องคาราโอเกะ คิดถึงเรื่องนี้เมื่อไหร่ก็เ จ็ บ ป วดเมื่อนั้น นอนไม่หลับ จนกลายเป็นโ ร คซึมเศร้า สาเหตุก็มาจากลูก คนที่พ่อเลี้ยงดูด้วยมือจนเติบใหญ่ แต่กลับ

กลายเป็นคนแปลกหน้าในร่างของนักศึกษาขอภาวนาในใจว่า นอกจากวิชาความรู้ต่าง ๆ ที่ลูกจะเรียนรู้จากสถาบันการศึกษาแล้ว ลูกจะกรุณาพัฒนาจิตใจให้เป็นคนซื่อสัตย์ และ

กตัญญูรู้คุณด้วยก็จะเป็นเรื่องที่ดีที่สุดหลังจากได้อ่ านจดหมายฉบับนี้แล้ว ผมรู้สึกว่าผมยังต้องเดินหน้าทำตามนโยบาย ในการดูแลลูกตามที่ตั้งใจไว้แต่แรก แม้จะรู้ว่ามันค่อนข้าง

ลำบากในสังคมของเรามีอยู่วันหนึ่ง เพื่อนสมัยเรียนที่ย้ ายไปออสเตรเลียกลับมาเยี่ยมบ้าน มีโอกาสได้นั่งคุยกัน เขาเล่าว่า คนออสเตรเลียนอกจากเชื่อถือในพ ระเจ้าแล้ว

อีกสิ่งหนึ่งที่พวกเขาเชื่อมั่นก็คือ วิ ธีการเลี้ยงลูกแบบ “จะรว ยแค่ไหน ก็ต้องเลี้ยงลูกแบบจน” พวกเขาเชื่อว่า เด็ กที่เติบโตขึ้นมาภายใต้การดูแลปกป้องมากไปของพ่อแม่ เมื่อโตแล้ว

จะไม่มีปัญญาที่สามารถยืนอยู่บนลำแข้งตัวเอง และก็จะไม่มีวันสำนึกบุญคุณคนอื่น แม้กระทั่งพ่อแม่ตนก็ตามวันถัดมาเรามีโอกาสออกไปทำธุระด้วยกัน เจอฝนระหว่างทาง

เขาเห็นเด็ กน้อยถูกห่อหุ้มด้วยผ้านวมอย่ างหนากลมไปหมดทั้งตัว จนดูคล้าย “ลูกบอลยัดนุ่น” เขาบอกว่า “เด็ กควรจะใส่เสื้อผ้าน้อยกว่าผู้ใหญ่หน่อย” เขาเล่าว่าในออสเตรเลีย

แม้หน้าหนาวก็จะไม่เห็นเด็ กที่ถูกห่อแบบ “ลูกบอลยัดนุ่น” เหมือนที่เห็น หรือในวันแดดจ้า แม้เด็ กจะนั่งอยู่ในรถเข็นเด็ ก แต่คนเป็นแม่ก็จะทำใจแข็ง ไม่ยอมดึงที่บังแดด

ออกมากันแดดให้ลูก เด็ กที่วิ่งเล่นแล้วหกล้ มเอง พ่อแม่ก็จะยืนดูเฉย ๆ ให้ลูกลุกขึ้นมาด้วยตัวเขาเอง ต่าง ๆ นานา ล้วนพย าย ามให้ลูกฝึกช่วยตัวเองและอดทนให้มากที่สุด

ธรรมเนียมของครอบครัวชาวเอเชียอย่ างพวกเรา หลักการที่ยึดติ ดมานานกับนโยบายที่ว่า “จะย ากจนแค่ไหน ก็ไม่ยอมให้ลูกต้องลำบาก”

สงสัยจะถึงเวลาต้องทบทวนกันใหม่ได้แล้ว

การเลี้ยงลูกของสัตว์ทั้งหลายในโลกนี้ ตอนลูกยังเล็กและอ่อนแอ บางชนิดอมลูกไว้ในปาก บางชนิดซุกลูกไว้ใต้ปีก กลัวลูก ๆ จะไม่ปลอดภัย แต่พอลูกเริ่มโตได้ที่แล้ว

พวกเขาจะไล่ลูกออกไปอย่ างไร้เยื่อใย ให้ลูกไปเผชิญกับโลกภายนอกเอง ไปฝึกวิทย ายุทธเอง ไปเผชิญปัญหาและมรสุมทุ กรูปแบบ แล้วชีวิตจะไม่เจอทางตัน เห็นหรือยังว่า

แม้แต่สัตว์ทั้งหลายก็ยังรู้ถึงหลักการที่ว่า “โอ๋ลูกจนไม่ลืมหูลืมตา ก็คือการฆ่ าลูกแบบเลื อ ดเย็น” “จะร วยแค่ไหน ก็ต้องเลี้ยงลูกแบบจน” ด้วยวิ ธีนี้จะบังคับให้ลูก ๆ ทั้งหลายรู้

จักยืนอยู่บนลำแข้งตัวเอง และรู้จักสำนึกและตอบแทนบุญคุณคนเป็นพ่อเป็นแม่สิ่งหนึ่งที่ไม่ควรลืม ถึงแม้คุณจะห่วงด้วยวิ ธีปกป้องหรือโอ๋ลูกขนาดไหนก็ตาม คุณคงไม่มีปัญญา

ตามไปวุ่นวายหรือดูแลพวกเขาในช่วงครึ่งหลังของชีวิตเขา เพราะตอนนั้นคงได้เวลาที่คุณจะได้หลับย าวไปแล้ว

 

ขอบคุณที่มา : staylifeth

Load More Related Articles
Load More By erz
Load More In ข้อคิดดีๆ
Comments are closed.

Check Also

ตัวเราก็มีค่า ในแบบตัวเรา

เมื่อชีวิตต้องพบ กับความผิดหวัง แพ้พ่าย เสี ยใจ การมีใค … …