1. ถ้ามันไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว
เมื่อคุณใช้ชีวิตและเติบโตมาถึงจุดหนึ่งคุณก็ตระหนักว่าตัวเองต้องการสิ่งที่แต กต่างไป
คนสองคนเริ่มมีจุดประสงค์ที่ต่างไปอาจมาจากหน้าที่การงาน
มาจากสภาพแวดล้อมมาจากความต้องการในชีวิต
หรือประสบการณ์ที่ต่างไปเริ่มไม่เข้าใจกัน
และความสัมพันธ์อาจแ ย่จนถึงขนาดที่ต่อกันไม่ติ ด
2. ถ้าไม่มีความซื่อสัตย์และความเชื่อใจอีกต่อไปแล้ว
ถ้าคุณรู้อยู่เต็มอกว่าคุณไม่สามารถเชื่อใจเขาหรือเธอได้อีกต่อไปแล้ว
เพราะพวกเขาทำความผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า
คุณได้ยินคำขอโ ทษและจะปรับปรุงตัวหลายครั้ง
แต่มันไม่เคยเป็นจริงความไว้วางใจและความซื่อสัตย์เป็นพื้นฐานของมิตรภาพ
และความสัมพันธ์ถ้าคนที่คุณคบยังไม่สามารถทำให้คุณไว้ใจได้
ถึงเวลาที่ต้องหันหลังให้พวกเขา
3. ถ้ามิตรภาพหรือความสัมพันธ์ทำให้คุณรู้สึกแ ย่หรือทำร้ ายความรู้สึก
ถ้ามิตรภาพหรือความสัมพันธ์มันทำให้คุณไม่มีความสุข
หรือเศร้าหมองถึงเวลาอำลาคนเหล่านั้นถ้าพวกเขาทำให้คุณรู้สึกแ ย่
ทำให้คุณอับอายต่อหน้าคนอื่นแข่งขันกับคุณตลอดเวลา
นั่นแปลว่าถึงเวลาที่จะลบคนเหล่านี้ออกจากชีวิตให้เร็วที่สุด
เคารพตัวเองให้มากพอที่จะก้าวเดินต่อไป
4. ถ้าคุณเป็นคนเดียวที่รู้สึกว่าทุ่มเทอยู่ฝ่ายเดียว
มันสะท้อนให้เห็นถึง “คุณค่าในตัวคุณ”
มันไม่คุ้มที่จะทุ่มเทอยู่ฝ่ายเดียวอีกต่อไปถึงเวลาที่ต้องปล่อยคนเหล่านั้นไปซะ
แล้วอยู่กับคนที่เห็นค่าของการทุ่มเทของคุณอย่ างน้อย ๆ ก็คือตัวคุณเอง
5. ถ้าพบว่าคนในความสัมพันธ์ไม่มีการสนับสนุนคุณเลย
เช่น “แน่ใจเหรอว่าจะทำเรื่องแบบนี้
ผมว่าคุณไม่เก่งหรอกนะ คุณไม่น่าจะทำได้” สิ่งที่สำคัญที่สุด
คืออยู่ใกล้คนที่พร้อมที่จะสนับสนุนคุณหาวิ ธีที่จะช่วยให้คุณไปสู่ความฝันอันยิ่งใหญ่ได้เร็วขึ้น
ผลักดันและเชื่อมั่นในตัวคุณซึ่งบางทีพวกเขาอาจเชื่อในตัวคุณมากกว่าที่คุณเชื่อตัวเองด้วยซ้ำ
ขอบคุณที่มา : forlifeth