หลายคนมักใช้เวลาไปกับอะไรที่ไม่จำเป็น จนเมื่อวันสุดท้ายมาถึง ถึงคิดได้ว่าอะไรเป็นสิ่งสำคัญที่ควรจะรีบทำมากที่สุด
โดยบทความนี้ถูกเขียนขึ้นโดย จอร์จ คอลลิน หลังจากที่เขาได้สูญเสี ยภรรย าอันเป็นที่รักไป
แบบไม่มีวันได้หวนกลับมาเจอกันอีกแล้ว สิ่งที่เขารู้สึก ทำให้เราได้ฉุดคิดได้มากขึ้น ว่าควรจะทำอะไรได้แล้ว
เราแคร์คนนอกบ้านมากขึ้น แต่กลับไม่ใส่ใจความรู้สึกของคนในบ้าน
เรามีการแพทย์ที่ก้าวหน้า แต่สุ ขภาพกลับแ ย่ลงเร็วกว่าแต่ก่อน
เรามีบ้านหลังใหญ่ขึ้น แต่ครอบครัวเรากลับเล็กลง
เรามีความรักให้คนอื่นน้อยลง แต่มีความเกลียดเพิ่มมากขึ้น
ทุ กบ้านสามารถหารายได้ได้ถึง 2 คน
แต่การหย่ าร้าง กลับเพิ่มมากขึ้นเป็น 2เท่า
มนุษย์สามารถไปถึงดาวด วงอื่นได้แล้ว
แต่การข้ามถนนเพื่อไปทักทายข้างบ้าน กลับเป็นอะไรที่ย ากเย็นเหลือเกิน
สมัยนี้เ วรกร รมมาไวยิ่งกว่า 4G เวลาผ่ านไปไวเหมือนโกหก
เวลาไม่ได้รอใคร มันเดินไปข้างหน้าตลอดทุ กวินาที
จงใช้เวลาที่มีอยู่ให้คุ้มค่า มากพอที่จะหันกลับมามองแล้วไม่นึกเสี ยดาย
ให้รู้สึกว่าทุ กสิ่งที่ทำไปนั้น มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว ที่เราได้ตัดสินใจทำ
ใช้เวลากับครอบครัว เพื่อนฝูง และคนที่เรารักให้มากที่สุด
กินอาหารอร่อย ๆ ที่อย ากกิน ไปเที่ยวในที่ที่อย ากไป
จานชามสวย ๆ อย่ าตั้งโชว์เฉย ๆ เอาออกมาใช้ให้คุ้มค่า
อย่ าเก็บของดี ๆ ไว้ เพื่อใช้ในโอกาสพิเศษ
เพราะทุ กวันที่เรายังมีชีวิตอยู่ มันคือโอกาสที่พิเศษที่สุดแล้ว
อย่ าให้เหลือคำว่า “สักวันหนึ่ง” ไว้ในชีวิตของเรา
อย่ าผัดวันประกันพรุ่ง ที่จะทำอะไรที่เราต้องการ ที่ทำให้เรามีความสุข
เพราะเราไม่รู้ว่า เมื่อไหร่คือวันสุดท้ายของเรา
บอกรักคนที่เรารัก เมื่อตอนยังมีโอกาสได้บอกกัน
อย่ าต้องได้บอก ในตอนที่เขาไม่ได้ยิน ไม่สามารถรับรู้คำพูดของเราได้แล้ว
ขอบคุณที่มา : bitcoretech