1.ไม่ทำตัวโลกสวยเกินไป
การคิดบวกและการมองโลกในแง่ดีในที่นี้ไม่ได้หมายความว่า ให้เราทำตัวโลกสวยนะ มองอะไรโรยด้วย ก ลี บ กุ ห ลาบไปทุ กอย่ าง
แต่เป็นการปรับมุมมอง อะไรที่คิดติ ดลบมากไปก็ปรับให้เป็นกลางขึ้นสักนิด และอะไรที่คิดบวกมากเกินไปก็ปรับให้พอดีขึ้น
อย่ างเช่น หากเรามีคนเข้ามา จี บ เราก็อย่ าเพิ่งมองโลกในแง่ดีว่าเขาเป็นคนดี จริงใจกับเรา จงเผื่อใจเอาไว้บ้าง
2.ไม่ตัดสินอะไรง่าย ๆ แค่ตาเห็น
การเริ่มต้นคิดบวกควรมาจากความคิดที่เป็นกลาง ฉะนั้น เวลาที่เห็นอะไรไม่ ถูกใจ
ก็อย่ าเพิ่งคิดรวม ๆ ไม่ว่ามัน ไ ม่ ดี ให้เข้าใจไปตามสิ่งที่เห็นนั้น อย่ าใส่ความรู้สึกส่วนตัว
อย่ าลืมว่าการคิดบวกไม่มี ถู ก ผิ ด นะ
3.ผู ก มิตรกับเพื่อนที่นิสัยร่าเริง คิดบวกเข้าไว้
ความรู้สึกที่ดี จะนำมาซึ่งความคิดดีๆ ดังนั้น ควรมองหามิตรแท้ที่นิสัยร่าเริงแจ่มใสไว้สักคน เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดด้านดี ๆ
หากอยู่กับคน ซี เ รี ย ส จริงจังกับชีวิตมาก เราก็คิดบวกไม่ได้สักที ความ เ ค รี ย ด เป็นอๅรมณ์ติ ดต่อจากอีกคนหนึ่งได้
โดยที่ตัวเรามักไม่รู้ตัวเลย ว่าทัศนคติของตัวเองจะค่อย ๆ เปลี่ยนไปทีละนิด
กระทั่งพ ฤ ติ ก ร ร ม แสดงออกมาอย่ างชัดเจนว่านิสัยเปลี่ยนไป ดังนั้น หากอยๅกเริ่มเป็นคนคิดบวก
ก็ให้เดินเข้าไปผูกมิตรกับคนที่มองโลกในแง่ดี คนเหล่านั้นจะมีมุมมองความคิดที่เปิดกว้างกว่าพวก ซี เ รี ย ส จริงจังกับชีวิต
4.หมั่นคุยกับตนเอง
คนที่คิดบวกมักจะคุยกับตัวเองอยู่เสมอๆ ในที่นี้หมายถึงการพิจารณาตัวเอง ว่ามี ด้านลบกับเรื่องอะไร
แล้วในแต่ละวันรู้สึก แ ย่ กับอะไรบ้าง เมื่อเขาเรียงลำดับความคิดด้านลบได้
ก็จะทำการเปลี่ยนมุมมองความคิดใหม่ พูดกับตัวเองว่าพรุ่งนี้ต้องมองโลกในแง่ดีมากขึ้นกว่าเดิม
และฝึกพูดประโยคเชิงบวก เช่น ฉันสามารถเรียนรู้ได้ หรือฉันคิดว่าปัญหานี้ต้องมีทางออก เป็นต้น
5.เขียนถึงสิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน
เป็นวิ ธีที่จะช่วยเปลี่ยนแปลงให้กลายเป็นคนมองโลกในแง่ดีมากขึ้น เพียงแค่สละเวลา 5 นาทีก่อนนอน ทบทวนถึง
เหตุ กๅรณ์ที่ตัวเองคิดว่าดีที่สุด แล้วเขียนบันทึกลงไปสั้น ๆ เช่น วันนี้ จั บ ฉ ล า ก ปีใหม่ได้ของที่อยๅกได้อยู่พอดี
การเขียนบันทึกนั้นส่งผลดีต่อสุ ขภาพของเรา โดยเฉพาะการบันทึกประสบการณ์ที่ดี ๆ
เพราะเมื่อไรที่เราเขียนบันทึกเรื่องราวลงบนหน้ากระดาษได้ ก็แสดงว่าส ม อ ง ของเรามีการจดจำแต่สิ่งที่ดี ๆ
แล้วยิ่งหากจดบันทึกเป็นประจำทุ กวัน สม อ ง ของเราก็จะเก็บเกี่ยวเรื่องราวดี ๆ เอาไว้เพื่อมาเขียนบันทึกโดยอัตโนมัติเลย
6.หัวเราะ
หลายคนไม่เคยสังเกตตัวเองว่าวันหนึ่ง ๆ หัวเราะมากน้อยเพียงใด ทั้งที่ความจริงแล้วการหัวเราะเป็นสิ่งที่สะท้อนอๅรมณ์ได้ดี
ว่ากำลังมีความสุขอยู่หรือไม่ อีกทั้งยังเป็นการปรับอๅรมณ์ด้านลบให้ดีขึ้นด้วย ฉะนั้น หากงานเ ค รี ย ด มากทั้งวัน
ล อ ง ใช้เวลาสัก 20 นาทีให้กับสิ่งบันเทิงเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น หนังตลп หนังสือпาร์ตูน พูดคุยกับเพื่อนสนิท
วาดภาพ ร้องเพลง แล้วความ เ ค รี ย ด จะไม่สะสมอยู่ในจิตใจแน่นอน
7.นั่งสมาธิ
คนที่นั่งสมาธิเป็นประจำทุ กวันมีแนวโน้มเป็นคนมองโลกในแง่ดี มากกว่าคนที่ไม่เคยนั่ง ส่วนหนึ่งมาจากประโยชน์ของการนั่งสมาธินั่นเอง
เพราะการนั่งสมาธิเป็นการฝึกจิตใจให้ปล่อยวางความคิด ฝึก ส ม อ งไม่ให้คิดฟุ้งซ่าน เราก็จะรู้ทันอ ารมณ์ของตนเองว่ากำลังสุขหรือทุ กข์
และหากนั่งสมาธิเป็นประจำทุ กวันร่ างกายและจิตใจของเราก็จะไม่เก็บอ ารมณ์ แ ย่ ๆ หรือเรื่องราว ไ ม่ ดี มาจำ
ผลคือเรามีความสุข จิตใจแจ่มใส นั่นแหละ ดังนั้น ทำวันละ 5-10 นาทีก็ยังดี ใครที่ไม่ถนัดการนั่งสมาธิ ใช้วิ ธีทำโยคะก็ได้นะ
ขอบคุณที่มา : san-sabai