1. ทำให้ชีวิตสบายขึ้น
ผู้หญิงที่ทำกับข้าวเก่ง ทำงานบ้านเก่ง ก็มีแนวโน้มว่า เมื่อแต่งงานไปแล้วจะต้องเป็นคนดูแลงานบ้านทุ กอย่ าง
แม้ว่าจะต้องออกไปทำงานนอกบ้านด้วยก็ตาม แต่ผู้หญิงที่ทำงานบ้านไม่เป็นหรือแสดงออกว่าทำงานบ้านไม่เก่ง
จะสามารถหลีกเลี่ยงงานน่าเบื่อนี้ไปได้
2. ทำให้พัฒนาตนเองได้มากขึ้น
คนอ วดฉลาดที่หลงลำพองในตัวเอง มองว่าตัวเองรอบรู้ทุ กด้าน และไม่จำเป็นต้องเรียนรู้อะไรเพิ่มเติมอีกแล้ว
จะไม่สามารถพัฒนาตนเองได้อีก เหมือนกับอึ่งอ่างที่พองตัวอยู่ในกะลาแคบ ๆ จนไม่สามารถขยับเขยื้อนตัวไปไหนได้
ตรงกันข้ามกับคนแกล้งโ ง่ ที่จะทำตัวเล็กลีบอยู่ตลอดเวลาไม่ว่าอยู่ที่ใด จึงไม่คับแคบ และยังสามารถเดินต่อไปได้เรื่อย ๆ
โดยไม่เจอทางตัน เพราะพวกเขาคิดว่า ยังมีสิ่งที่ต้องเรียนรู้อีกมาก จึงทำให้พวกเขาสามารถพัฒนาตนเอง
และก้าวหน้าต่อไปได้อีก ในขณะที่คนอ วดฉลาดจะยังคงอยู่ที่เดิม ซึ่งนับวัน ก็ยิ่งจะถอยหลังเข้าคลองไปทุ กที
3. ทำให้มีประสบการณ์ และได้เรียนรู้มากขึ้น
คนอ วดฉลาดมักทำอะไรอยู่ในกรอบความฉลาดของตนเองและจะไม่ยอมทำอะไรเ สี่ยง ๆ หรือทำสิ่งที่ตนเอง
หรือคนอื่นมองว่าเป็นเรื่องโ ง่ ๆ เด็ดข า ด ทำให้พวกเขาหมดโอกาสที่จะได้มีประสบการณ์ใหม่ ๆ ไปอย่ างน่าเสี ยดาย
ถ้าไม่ยอม แกล้งโ ง่ เปิดใจรับฟังบรรดาพนักงานขายทางโทรศัพท์ ก็คงไม่มีโอกาสรู้ว่า มีโปรโมชั่นบัตรเครดิตดี ๆ
ที่อาจช่วยให้การใช้จ่ายในแต่ละเดือนคล่องตัวขึ้นถ้าไม่ยอมแกล้ง โ ง่ ออกไปท่องเที่ยวโดยไม่วางแผนดูบ้าง
ก็คงไม่เคยมีประสบการณ์สนุก ๆ ถ้าไม่ยอมแกล้ง โ ง่ ทำเรื่องที่น่าเสี่ ยงดูบ้าง ก็คงไม่มีทางรู้ว่า ความล้ มเหลวเป็นอย่ างไร
เมื่อไม่รู้จักความ ล้ มเหลว ก็คงทำความรู้จักความสำเร็จได้ย าก” คนโ ง่เป็นเหยื่อของคนฉลาด คนฉลาดเป็นเหยื่อของคนแกล้งโ ง่”
4. ทำให้มีเวลามากขึ้น
คนอ วดฉลาด ไม่ว่าอยู่ที่ใดก็มักต้องทำงานมากกว่าคนอื่นหากอยู่ที่ทำงาน ไม่เพียงงานของตนเองจะมากกว่าเพื่อนร่วมงานเท่านั้น
ยังมักต้องคอยช่วยเหลืองานคนอื่น จนกลายเป็น “เจเนรัลเบ๊” ของที่ทำงานไปโดยปริย าย เมื่ออยู่บ้าน แทนที่จะได้พักผ่อน
ก็กลับต้องทำโน่นทำนี่ จนกลายร่างเป็น “คุณแจ๋ว”ไม่ต่างจากตอนอยู่ที่ทำงาน ตรงกันข้ามกับคนที่ถูกมองว่า โ ง่
หรือทำอะไรไม่เป็น ก็จะได้ทำแต่หน้าที่ของตนเองเท่านั้น เมื่อไม่ต้องยุ่งวุ่นวายกับงานของคนอื่น
จึงมีเวลามากพอสำหรับทำเรื่องที่จำเป็นมากกว่า อย่ างการวางแผนเพื่อเดินตามความฝัน
5. ทำให้ฉลาดขึ้น
อัญชุลี คิดว่าเธอเป็นคนฉลาด และเธออย ากให้คนอื่นเชื่อเช่นนั้นด้วย เธอจึงพย าย ามทำตัวเป็นคนฉลาด แน่นอน
เธอจะไม่ยอมถามคำถามอะไรเด็ดข าด เพราะคนฉลาดย่อมรอบรู้ทุ กเรื่องอยู่แล้ว เธอจึงไม่เคยกำจัดความสงสัย
หรือความไม่รู้ทิ้งไปได้เลยส่วนวิชชุดา เธอเป็นคนประเภทตรงกันข้ามกับอัญชุลี เธอคิดว่าตนเองไม่ฉลาด
ซึ่งมันก็ส่งผลให้เธอไม่กังวลว่าใครจะมองเธอว่าโ ง่ เมื่อมีปัญหา หรือมีเรื่องที่ไม่เข้าใจ เธอกล้าที่จะถาม
และขอคำแนะนำจากคนอื่น ทำให้ความสงสัยถูกกำจัดทิ้งไป และถูกแทนที่ด้วยความรู้ วิชชุดาจึงรู้มากขึ้น
ในขณะที่อัญชุลียังคงไม่รู้อยู่เหมือนเดิมด้วยความที่คนอ วดฉลาด ต้องการสร้างภาพลักษณ์ว่าตนเป็นคนฉลาด
จึงทำให้ไม่กล้าพอที่จะเอ่ยปากถามในสิ่งที่ตนไม่มีความรู้เพราะกลัวว่าจะทำให้คนอื่นมองว่าตนเองโ ง่ หารู้ไม่ว่า
การไม่ถามหรือการพย าย ามทำตัวฉลาดนี่ล่ะ ตัวการสำคัญที่ทำให้เขากลายเป็นคนโ ง่
หากกล้ายอมรับว่าตนเองไม่รู้ และเอ่ยปากถามออกไป ไม่นานก็จะได้คำตอบที่ช่วยคลายความสงสัยได้
และความโ ง่ก็จะหายไป แต่หากไม่กล้าถาม ความสงสัย และความไม่รู้ก็จะยังอยู่ตรงนั้น ความโ ง่ก็ด้วย
การถามคำถามที่ไม่เข้าใจออกไป จึงเป็นการโ ง่เพียงวินาทีเดียว แต่การแกล้งทำตัวฉลาด ไม่ยอมถามทั้งที่ไม่รู้
จึงเหมือนเป็นการผูกตัวเองไว้กับความโ ง่ไปตลอดชีวิต
ขอบคุณที่มา : long-oie