เ ก จิอาจารย์ในเมืองไ ท ยนั้นมีมากมายเลยและค า ถ า บทสวดมนต์ต่าง ๆ ก็เต็มไปหมด “ห ล ว ง พ่ อ กบ ”
ก็เป็นอา จ า ร ย์ดั งที่เป็นที่เลื่อมใสศ รั ท ธ า ซึ่งท่านนั้นได้ธุดงค์มาปักกรดอยู่ที่ช า ย ป่ าด้านเขาส าลิ ก า
ช่วงปลายปี พ.ศ. 2430 แต่ก็ไม่มีใครทราบว่าท่านมาจากไหน
ซึ่งชาวบ้านพบครั้งแรกท่านห่มจีวรเก่ามาก ๆ แบกไม้คานหาบกระบุงเปล่าไว้บน บ่ า 2 ใบ
เดินผ่ านมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย พอท่านเดินผ่ านชาวบ้านก็ร้องถามว่า “หลวงพ่อจะหาบกระบุงเปล่าไปทำไม”
แล้วหลวงพ่อก็ตอบกลับมาว่า “ก ูห า บ ม าใส่เ งินท องโว้ย” จากนั้นท่านก็เดินดุ่ม ๆ
เข้าไปพำนักในวัดเขาสาลิกา สมัยนั้นเป็นวัดร้ า งและเก่ามาก ซึ่งวัดนี้อยู่ที่ อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี
หลวงพ่อกบเป็นผู้ ทร ง ศี ลที่มีฌานสมาบัติขั้นสูง ท่านมักจะบำเพ็ญเพียรภาวนาปกติแบบนั่งยอง ๆ
ซึ่งนานติ ดกัน 7 – 14 วันเลย แบบไม่ลุกไปไหน
ไม่แม้กระทั่งฉั นน้ำ อาหาร ถ่ า ย ห นั ก เ บ า ก็ไม่มีเลย เป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์อย่ างมาก
ซึ่งท่านสามารถ ถ อ ด จิ ต ออกจากร่ างได้ ทำให้ไม่รู้สึกถึงความหิว ความเ จ็ บ ป ว ดอะไร
ท่านมักจะนั่งยอง ไม่ว่าจะตอนสวดมนต์ก็ตาม รวมถึงการทำกิจวัตรต่าง ๆ จะทำประจำ และเวลาจำวัตรนั้น
ท่านจะอยู่ในท่าตะแคงขวาแบบนั้นเป็นประจำ ซึ่งจีวรที่นุ่งก็ยังเป็นผืนเก่า
ซึ่งก็เก่ามากแล้ว ไม่ห่อจีวร ที่คอจะแขวนลูกกระพรวนเอาไว้
และอยู่เพียงในวันไม่เดินไปไหน และมักจะใช้น้ำช า ต้มเครื่องเทศ
เป็นสมุนไพรในการช่วย รั ก ษ า โ ร คต่าง ๆ และทำให้ท่านเป็นที่รู้จักมากขึ้น
เพราะมีคนเข้ามาให้รั ก ษ าจำนวนมาก ทำให้เห็นว่า หลวงพ่อกบนั้น มีเมตตาสูงมาก ประวัติหลวงพ่อกบอาจไม่มีบันทึกไว้ชัดเจนนัก
แต่ก็เป็นที่น่าถือของชาวบ้านแถวนั้นอย่ างมากและท่านก็ได้ละสั ง ข า รเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ 2496 หลวงพ่อโอ ภาสี
ก็ได้มาที่วัดเพื่อเป็นประธานในงาน เ ผ าส รี ร ะ ของท่าน สมัยนั้นการเดินทาง ย า กลำบากมาก ๆ ไม่สะดวกสบายเหมือนปัจจุบัน
สวดคาถาเรียกเงิ นท อง หลวงพ่อกบ
“โอม ละ ลวย มหาละ ลวย มะอะ อุ
สิ วัง พร ห ม า จิต ตัง มา นิมา
มา ท อง หนึ่งท อง ท อง สอง ท อง
โ อ ม มหาจินดา เงิ นท องไหลมา นิมานา”
นี่เป็นบทสวด ที่เรียกเงิ นท องของหลวงพ่อกับวัดสาลิกา ลพบุรี ทุ กคนนำไปสวดกันได้
จะสวดเช้าหรือก่อนนอนตอนไหนก็ตามสะดวกเลย เป็นค า ถ า ที่หลายคนกำลังต้องการอ ย่ า งแน่นอนค่ะ
ขอบคุณที่มา : kiddeepost