มีเรื่องเล่าอยู่เรื่องหนึ่ง เด็ กชายบ้านอยู่หลังวัด เวลาจะไปโรงเรียนก็ต้องเดินผ่ านวัด
ซึ่งที่วัดนั้นมีหมาอยู่ตัวหนึ่ง มันดุมาก เด็ กชายจะต้องเ สียวหลังทุ กทีที่เดินผ่ าน เวลาเดินผ่ านทีไร
จะต้องรีบวิ่ง แต่ก็ไม่พ้นวันหนึ่งก็เจอมันอยู่ดี ต้องรีบวิ่งสุดชีวิตเพื่อที่จะหนีมันให้พ้น
พอกลับถึงบ้านบอกพ่อ พ่อบอกว่า “หมาดุ ให้ข้าวมันครั้งเดียว มันก็เชื่องแล้ว” เด็ กชายได้ฟังดังนั้น
วันต่อมาขากลับบ้านที่ต้องเดินผ่ านวัด จึงซื้อลูกชิ้นติ ดมือมาด้วย 2 ไม้ กินเองไม้หนึ่ง และเอาไว้ให้หมาตัวนั้นไม้นึง
ขณะที่เดินผ่ านวัด เ สียงเจ้าหมาก็ขู่ขึ้นมา ทำอย่ างกับเด็ กชายไปทำอะไรพ่อแม่มันไว้อย่ างใดอย่ างนั้นเลย
เด็ กชายต กใจมากแทบขาอ่อน นั่งลงกับพื้น ลืมตัวยกมือไหว้หมา พอลุกขึ้นได้ก็รีบวิ่งหนี
พร้อมกับโยนลูกชิ้นไม้นั้นให้มัน แล้ววิ่งสดชีวิตขึ้นบ้านไป
วันต่อมา เด็ กชายก็ทำแบบเดิมอีก แต่วันนี้ หมาตัวนั้้นไม่วิ่งไล่เขาแล้ว มันกลับเดินมาหาเขาและไม่ขู่อีกต่อไป
เพียงแต่ทำหน้าตาดูน่าสงสัย เด็ กชายก็เอาลูกชิ้นให้มันแล้วเดินหนีไป
วันที่สาม เป็นอย่ างที่พ่อบอกจริง ๆ ด้วย คราวนี้หมาที่ดุที่สุดในชีวิตเขาที่เคยเจอมา กลับกระดิกหางใส่เขา เพื่อจะขอลูกชิ้น
ให้อาหารหมาแค่ครั้งเดียว มันจำไปตลอดชีวิต ต่างกับคนบางคน ช่วยเขาสิบครั้ง เขาจำได้เพียงครั้งเดียวที่เราไม่ช่วย ให้ไปเท่าไหร่ก็ไม่เคยจำ
การรู้จักตอบแทนบุญคุณ ถือว่าเป็นคุณธรรมที่มีความสำคัญที่มีอยู่ประจำโลก คนดีทั้งหลาย
ได้พากันประพฤติปฏิบัติเป็นแบบอย่ างมาโดยตลอด จึงทำให้คนในสังคมอยู่กันด้วยความสงบสุขร่มเย็น
มีความรักความสามัคคี ถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน
ถือว่าเป็นคุณธรรมที่เป็นเครื่องประสานจิตคล้องใจของคนในสังคมให้มีสายใยสายสัมพันธ์ในระหว่างกันและกัน
และที่สำคัญการรู้จักตอบแทนบุญคุณนั้นเป็นการประกาศศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ บุคคลผู้รู้จักตอบแทนคุณนั้น
ถือว่าเป็นคนดี เป็นคนมีศักดิ์ศรี เป็นที่น่ายกย่องสรรเสริญในสังคมทั่วไป
ขอบคุณที่มา : parinyacheewit