เชื่อว่าทุ กท่าน ๆ คงจะเคย เข้าวัดทำบุญกัน เป็นประจำอยู่แล้ว แล้วเคยสังเกต กันหรือไม่ว่า ทำไมตอนที่เราสวดมนต์รับพรเสร็จต้องพูดกล่าวคำว่า ส า ธุ ส า ธุ ส า ธุ ตามในทุ กครั้ง ในวันนี้เรามีคำต อ บที่หลายคนสงสัยมาบอกทุ ก ๆ ท่านกันค่ะ
โดยบุญนั้นมีความมหัศจรรย์มากในเรื่องการสร้างบุญ เราทราบกันดีอยู่แล้วว่า ทำบุญเองก็ย่อมได้บุญ ชวนผู้อื่นทำบุญก็ได้บุญ แต่บางคนแม้จะไม่ได้สละทรัพย์เป็น เจ้าของวัตถุทาน ไม่ได้เป็นผู้ถวายทาน ด้วยมือ อีกทั้งไม่ได้อยู่ร่วมในการให้ทานกับเขา ด้วย แต่มารู้ทีหลังว่าคนอื่นเขาให้ทาน
รู้แล้วก็รู้สึกยินดีเลื่อมใสไปกับเขา บุคคลนั้นก็จะพลอยได้รับผล ของบุญด้วยอย่ างน่าอัศจรรย์ ดังเช่นผลบุญ ที่เกิดกับ เพื่อนของนางวิสาขามหาอุบาสิกา นั้นเป็นกรณีหนึ่งที่ท่านสามารถทำบุญได้มากมายโดยไม่ต้องลงมือทำเองเลย เป็นที่ทราบกันดีว่า พ ระนางวิสาขามหาอุบาสิกานั้น ร่ำร วย
มากขนาดไหน เธอสร้างวัดสร้างวิหาร และได้บริจาคทานเป็นจำนวนมากด้วยความเลื่อมใสในพ ระพุทธศ าสนาจึงส่งผลให้เมื่อสิ้ นชี วิตไปแล้วเธอได้ไปเกิดเป็นอัครมเหสีของท้าวสุนิมมิตตเทวราชผู้ปกครอง สวรรค์ชั้นที่5 สามารถทุ กอย่ าง ออกมาได้ดังใจซึ่งนั่นก็สมควรแ ก่
การกระทำสร้างบุญ ของเธอ แต่เหล่าบรรดาเพื่อนฝูง มิตรสหาย ที่ไปร่วมบุญกุศลเหล่านั้น เธอได้รับบุญกุศลนั้นได้ด้วย โดยที่ไม่ต้องทำเองเลย แม้แต่บาทสตางค์เดียวอัตราส่วนบุญ ที่เกิดจากการโมทนาบุญนั้นเป็นอย่ างไรเรื่องนี้เป็นที่สงสัยกันมากว่าการกล่าวโมทนาบุญนั้น
จะได้บุญมากน้อยเท่าไหร่เห็นคนอื่นทำดีแล้วแล้วเราไปขอแบ่งบุญเขามาอย่ างนั้นหรือ หรือว่าโมทนาแล้วเป็นการขโมยบุญจากผู้อื่นมาหรือไม่อานิสงส์ ที่จะพึงได้จากการโมทนาบุญนั้นเทียบได้เป็นผลกำไรจากการใช้จิตทำบุญ ไม่ต้องลงทุนเอง ถ้าได้ทำอย่ างตั้งใจจริง
ด้วยจิตยินดีอย่ างเต็มเปี่ยมในคุณงามความดีที่ผู้อื่นทำก็อาจได้บุญมากถึง 90 เปอร์เซ็นต์ผู้ที่เป็นเจ้าของบุญ หรือผู้ที่กระทำบุญนั้นย่อมได้บุญ 100 เปอร์เซ็นต์อยู่แล้ว ส่วนผู้ที่ตั้งใจโมทนาบุญก็ได้ไปครั้งละ 90 เปอร์เซ็นต์ หากมีผู้ที่มาทำบุญผ่ านไป 10 คน เราก็ได้บุญประมาณ 900 มากกว่าเจ้าของผู้ทำบุญในแต่ละรายเ สี ยอีกเป็นเคล็ดการทำบารมีให้เต็มเร็วมาก
วิ ธีการโมทนาบุญที่ถูกต้อง
การโมทนาแปลว่า “ยินดีด้วย” สิ่งสำคัญที่จะให้เกิดบุญสูงสุดคือ ต้องกล่าวคำสาธุยินดีด้วยความจริงใจ หากสักแต่กล่าวว่า สาธุ ๆ ๆ ไปอย่ างนั้น มันก็จะไม่ได้อะไร แต่คำว่า “สาธุ” นั้นก็ไม่จำเป็นต้องออกเ สียงหรือไม่จำเป็นต้องยกมือไห ว้ก็ได้ เพียงแต่เอาใจ ที่ยินดีทำก็เกิดผลบุญได้เลย
การแสดงความยินดีกับคุณงามความดีหรือความสำเร็จของผู้อื่นเป็นคุณธรรมของพ ระพรหมก็คือ “มุทิตา” เป็นตัวหนึ่งใน พรหมวิหาร 4 ซึ่งเป็นบุญใหญ่ พ ระพุทธเจ้าตรัสว่า “จิตเต อสังกิลิฏเฐ สุคติ ปาฏิกังขา” ถ้าก่อนต า ย จิตผ่องใส ก็ไปสู่สุคติหมายถึงสวรรค์ก็ได้พรหมก็ได้ นิพพานก็ได้
สุดแล้วแต่กำลังใจของเรา การโมทนาบุญนั้นพึ่งเข้าใจว่าเป็นการทำให้จิตใจชุ่มชื่นใจ เขาทำดีเรายินดีด้วย ยินดีกับความดีของเขาไม่ช้าตัวของเราเองก็อย ากจะทำความดีตามเขาบ้างเพราะเราเห็นเขา ดีเราก็ชอบ เป็นการสร้างพื้นฐานพลังแห่งบุญให้เกิดขึ้นในจิตด้วยตัวเองและเป็นจุดเริ่มต้น
ในการขวนขวายสร้างคุณงามความดีอื่น ๆ ต่อไปสิ่งที่พึงระมัดระวั งในการโมทนาบุญก็คือ “ความอิ จฉาริษย า” นั้นเป็นตัวทำลายบุญประเภทนี้อย่ างแรงกล้า ประเภทที่ว่ากลัวคนอื่นจะได้บุญมากกว่าเรา หรือคิดไปเองว่าบุญเราจะหมด เราอุตส่าห์ทำมาอย่ ามาแ ย่งบุญของฉัน ฉันไม่ให้หรอก
เมื่อใดที่จิตคิดเช่นนี้จิต ก็จะปรากฏความเศร้าหมองทำให้บุญที่เราทำมีผลย่อหย่อนลงไป และทำให้เราไม่ได้กุศลจากการโมทนาบุญของผู้ขอโมทนาบุญจากเราเลย จึงควรวางกำลังใจและอธิฐานจิตเราเมื่อมีผู้ขอโมทนาบุญจากเราเสมอว่า “ ข้าพเจ้า ขออุทิศส่วนบุญ ส่วนกุศลนี้
ให้กับท่านทั้งหลาย ที่ขอโมทนาบุญกับเราในทุ กครั้งทุ กโอกาส ไม่ว่าเราจะทำในอดีต ก็ดี ปัจจุบันก็ดี และที่จะบำเพ็ญต่อไปในอนาคต ก็ดี ที่เราได้ทราบก็ดี ไม่ทราบก็ดี จะเป็น มนุษย์หรือเทพพรหม เทวา พญ าน าค ก็ดี ที่มีกายเนื้ อก็ดี ไม่มีกายเนื้ อก็ดี
ขอให้เขาเหล่านี้ จงประสพแต่ความสุขพ้น จากความทุ กข์พ้นภั ยจากวัฏสงส าร สัมผัสพ ระนิพพานอันเป็นบรมสุขด้วยเทอญ” การโมทนาบุญ ยังแบ่งออกได้ตามขนาดของบุญและวาระได้สามประการคือ
การอนุโมทนา หมายถึงการโมทนาบุญ ของบุคคลใดในการทำบุญเฉพาะครั้งใดครั้งหนึ่ง เช่น พ่อแม่ได้ไปทำบุญเลี้ยงพ ระที่วัด เราก็ได้อนุโมทนาบุญยินดีในบุญนั้นด้วยครั้งหนึ่งการมหาโมทนาบุญ หมายถึงการยินดี โมทนาความดี กุศล ผลบุญทั้งปวงที่ได้ปรากฏขึ้นแบบทั่วอนันต์จักรวาล
ทั้งสามภพและหนึ่งนิพพาน ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และในอนาคต ซึ่งล่วงข้ามมิติของสถานที่และก าลเวลา ถือเป็นมหากุศลที่จะไหลรวมมาหล่อเลี้ยง ด วงจิตของ พ ระโพธิสั ต ว์ ทุ กด วงให้สว่างไสว การมหาโมทนาบุญนี้ เป็นการปฏิบัติมุทิตาบารมีระดับสูงสุด ซึ่งเกิดขึ้นในเหตุการณ์ครั้งสำคัญๆ ทางพ ระพุทธศ าสนาเลย
การโมทนาบุญ หมายถึงการโมทนาบุญยินดี ในบุญจากกองกุศลที่ห มู่คณะนั้นได้บำเพ็ญ เช่น การโมทนาบุญกฐินทาน ผ้าป่าหรืองานสมโภชฉลองสิ่งก่อสร้างทางศาสนสถาน หรือการโมทนาบุญของบุคคลใด
บุคคลหนึ่งโดยเฉพาะในบุญที่เขาผู้นั้นบำเพ็ญมาตลอด เช่น โมทนาบุญคุณความดีของพ ระอริยสงฆ์ ครูบาอาจารย์ ที่ท่านได้บำเพ็ญเพียรมาตลอดชี วิต เป็นต้น
ขอบคุณที่มา : kiddeepost