เวลาที่ถูกเห ยียดหย าม โดนดู ถู ก โดนปรามาส ถูกมองข้ามอย่ างไร้ตัวตนต่าง ๆ
นานา ให้เข้าใจไว้ว่าท้ั้งหมดเป็นเรื่องธรรมชาติที่แสนจะ
ปรกติธรรมดาอย่ าไปรู้สึกรู้สาอะไรให้เปลืองเวลาและหัวใจ
คนโ ง่เท่านั้นที่จะซ้ำเ ติมตัวเองด้วยการเอาเรื่องราวดังกล่าวเหล่านั้น
มาบั่นเฉือนตัดทอนกำลังใจตัวเองให้แหลกละเอียดไม่มีชิ้นดีเหมือนเอา
ขยะมาคลุกเคล้าพลอยทำให้เ น่ า เ ห ม็ นสกปรกเปรอะเปื้อน
ผมมีวิ ธีจัดการอย่ างคนฉลาดเค้าทำกันเราสามารถแปรเปลี่ยนเรื่องแ ย่ ๆ
ห่ วย ๆ เหล่านั้นให้กลายเป็นแรงขับเคลื่อนผลักดันให้ก้าวไปสู่ความสำเร็จ
ได้สบายๆให้คิดง่าย ๆ เหมือนเวลาคุณโกยขยะสกปรกที่ไร้ประโยชน์มากมาย
เข้าสู่เตาเผาสุมไฟให้แรงเข้าไว้ คุณก็จะได้เป็นพลังงานมหาศาลยังไงยังงั้น
ทีนี้จะเอาไปใช้ทำอะไรที่เกิดประโยชน์ก็ทำไป…ง่ายมั้ย
ในชีวิตของเรา ในสังคมที่เราอาศัยอยู่ มันเป็นเรื่องธรรมดานะครับ
ที่ในช่วงเวลาหนึ่งของชีวิตเราอาจจะต้องพบเจอกับคนบางคนที่มีนิสัยที่ชอบดู ถู กคนอื่น ชอบค่อนขอดคนอื่น
ทั้ง ๆ ที่หากพิจารณาดู เราจะพบว่า คนที่ชอบดู ถู กคนอื่นคนนั้น มีความสามารถ
และสติปัญญาด้ อ ยกว่าคนที่เขาไปดู ถู กเสี ยอีก ที่คนด้ อ ยสติปัญญาเหล่านี้ ชอบดู ถู กคนอื่นก็เพราะว่า…
1) คนเหล่านี้เป็นคนที่เอาความคิดของตัวเองเป็นที่ตั้งมองคนที่คิดต่างจากเขา
เป็นคนโ ง่ไปเสี ยทั้งหมด และมักจะให้ราคากับคนสอพลอที่เออออกับเขาโดย
ไม่ได้คิดไม่ได้ไตร่ตรองอะไร เลยทำให้เขาหลงลำพอง
ยึดมั่นถือมั่นกับชุดความคิดบิดเบี้ยว โดยที่ไม่เฉลียวใจว่าตนเองต่างหาก
ที่เป็นคนที่เข้าใจผิดๆ มาโดยตลอด การมั่นใจในสิ่งผิดๆ เป็นระยะเวลาอันย าวนาน
ท่ามกลางเ สียงเชียร์ของคนเมา มันก็ทำให้หลงตัวเอง เผลอทะนงคิดว่าตนเองเป็นคนฉลาด ได้ อ ยู่เหมือนกันนะครับ
2) คนเหล่านี้เป็นคนที่ไม่ยอมเปิดรับมุมมองอะไรใหม่ ๆ ไม่ชอบเรียนรู้อะไรด้วยตนเอง
ยึดมั่นถือมั่นกับชุดความรู้ที่เคยเรียนมาเมื่อนานมาแล้ว ยึดติ ดกับวิ ธีการเดิม ๆ
ที่เคยทำให้ตนเองประสบความสำเร็จในอดีต คือ ชุดความรู้เดิมๆ มันไม่ใช่ว่า
ผิดหรอกนะครับ มันอาจจะถูก แต่มันถูกในอดีต แต่มันไม่ถูกอีกต่อไปแล้วในปัจจุบัน
และมันอาจจะยิ่งผิดมากขึ้นไปเรื่อย ๆ สำหรับอนาคต ถ้าเราเป็นคนที่ยึดติ ดกับความรู้เดิม ๆ
ความสำเร็จเก่าๆ แบบลืมหูลืมตา จนตามโลกใบนี้ไม่ทัน เวลาที่เราฟังแนวคิดอะไรใหม่ ๆ
ที่เราไม่เข้าใจ เราก็อาจด่วนพิพากษาว่าคนที่พูดเสนอแนวคิดใหม่ๆ นั้นเป็นคนโ ง่
เขากำลังพูดเรื่องโ ง่ ๆ อยู่ก็ได้ ทั้งที่จริง ๆ แล้ว สิ่งที่เขากำลังพูดอยู่ มันเป็นความรู้
ที่ทันสมัยกว่าสิ่งที่เรารู้ เพียงแต่เราไม่มีสติปัญญาที่มากพอที่จะฟังสิ่งที่เขาพูดได้เข้าใจ ก็เท่านั้นเอง
3) คนเหล่านี้เป็นคนที่มีเ งิน เข้าถึงทรัพย ากร และมีเครือข่ายอุปถัมภ์ที่มากกว่า
คนอื่น ๆ สิ่งเหล่านี้อาจจะทำให้เขาประสบความสำเร็จขึ้นมา ทั้ง ๆ ที่เขาไม่ได้มีความรู้
หรือความสามารถอะไรมากนัก จริง ๆ แล้วถ้าเขามีความรู้และความสามารถมากสักหน่อย
ความสำเร็จที่เกิดขึ้นมันอาจจะมากกว่าความสำเร็จที่เขามีอยู่ในมือตอนนี้ก็ได้
ความได้เปรียบทางสังคมของเขานี่เอง เป็นปัจจัยที่ทำให้เขาหลงตัวเอง คิดว่าตัวเองเป็นคนฉลาดเหนือใครไงล่ะครับ
การคิดเสี ยว่า คนที่ชอบดู ถู กคนอื่น เป็นพวกที่ไร้สติปัญญา ไม่มีสม อง
มันก็พอที่จะปลอบใจตัวเองได้บ้างครับ แต่ว่ามันไม่มีประโยชน์อะไรที่เป็นรูปธรรมเลย
กับการที่พอเราถูกเขา ดู ถู กมา ถูกเขาหัวเราะเย าะมา เราก็แอบด่ า
เขากลับเพื่อให้ตัวเองสบายใจไปวันๆ โอเค! มันทำให้เราสบายใจขึ้น
แต่ว่ามันทำให้ชีวิตเราดีขึ้นรึเปล่า ก็เปล่าใช่ไหมครับ
ผมว่าบางทีคนที่มีความสามารถ และสติปัญญาที่ดีกว่า ก็สมควรนะครับ
ที่จะถูกคนที่ด้ อ ยกว่าดู ถู ก หรือหัวเราะเย าะ
1) คนที่ฉลาด และเก่งจริง ๆ จะไปใส่ใจกับคำค่อนขอด คำดู ถู ก
หรือเ สียงหัวเราะเย าะของคนที่ด้ อ ยสติปัญญาทำไมกันครับ
ถ้าคุณแคร์พฤติก ร ร มแ ย่ ๆ ของคนเหล่านี้ นั่นไม่เท่ากับว่าคุณยอมรับ
ว่าตัวเองเป็นคนห่วยอย่ างที่เขา ดู ถู กกันหรอกหรือครับ
คนที่มีความสามารถที่แท้จริง ต้องพิจารณาได้ครับว่า อะไรเป็นความคิดต่างที่มีคุณค่า
และเราควรจะต้องฉุกคิดรับฟัง อะไรเป็นคำค่อนขอดที่เราไม่ควรไปให้ราคา
อะไรเป็นความคิดเห็นสนับสนุนที่เราสามารถนำไปขย ายผลในสิ่งที่เราทำ
ให้มันยิ่งใหญ่ขึ้นได้ และอะไรเป็นแค่การประจบสอพลอที่เปล่าประโยชน์ ที่เราควรจะลืมให้เร็วที่สุด
ถ้าคุณปล่อยให้คุณค่าของตัวคุณเองลดลง เพียงเพราะไปใส่ใจกับคำพูดดู ถู ก
ของคนที่ด้ อ ยสติปัญญา คุณก็สมควรที่จะถูกดู ถู กแล้วล่ะครับ
2) คนที่ฉลาด และเก่งจริง ๆ ใครที่ไหน เขานั่งเฉย ๆ ให้คนอื่นเขาเย าะเย้ย
คนที่เก่ง และมีความสามารถจริง เขาต้องลุกขึ้นมาลงมือทำ ลุกขึ้นมาทำในสิ่งที่ตนเองคิดดีแล้ว
ว่ามันถูกต้องอย่ างสุดความสามารถ อย่ างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
พร้อมที่จะทุ่มเทแรงกาย แรงใจทั้งหมดในการพิสูจน์ความสามารถของตัวเอง แบบไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคใด ๆ
ไม่มีรถ ก็วิ่ง วิ่งไม่ได้ก็เดิน เดินไม่ได้ก็คลาน ผมรู้ครับว่ามันเหนื่อย
และบางครั้งเวลาที่เราเปรียบเทียบกับคนด้ อ ยสติปัญญาบางคนที่มีเงิ นมากกว่าเรา รู้จักคนมากกว่าเรา
อยู่ในสถานะที่ได้เปรียบเราทุ กอย่ าง เราอาจจะท้อบ้าง
รู้สึกน้อยใจในวาสนาของตัวเองบ้าง ว่าทำไมเราถึงไม่มีเงิ น
ไม่มีใครมาช่วยมากมายแบบคน ๆ นั้น คือ คุณท้อได้ครับ
น้อยใจได้ครับ แต่ต้องลืมมันให้เร็วที่สุดให้ได้ แล้วมาลุยสู้ต่อ
ถ้าคุณเป็นคนที่คิดน้อยใจ แล้วท้อแท้ยอมแพ้ เลิกล้ มความตั่งใจ
นั่นก็แสดงว่าคุณเป็นคนที่สมควรให้คนอื่นดู ถู กจริง ๆ นั่นแหละครับ คนที่จะได้รับการยอมรับว่าเก่งจริง
จะต้องเป็นคนที่เก่งที่จะเอาชนะอุปสรรค เก่งที่จะอดทนต่อสู้ไม่ยอมแพ้
เก่งที่จะเผชิญหน้ากับข้อจำกัดทุ กอย่ างครับ ไม่มีอะไรที่จะหยุดให้เขาไม่ลงมือทำได้ครับ
ขอบคุณที่มา : smileroyyim