“การหาเงิ นล้านแรก” สำหรับบางคน อาจเป็นคำพูดที่ฟังดูเหมือนการหมกมุ่นกับเงิ นหรือความร วยเพียงเท่านั้น
แต่จริง ๆ แล้วเป้าหมายหาเงิ นล้านแรกมีความหมายที่ลึกซึ้งกว่านั้น เพราะเป้าหมายนี้สำหรับหลาย ๆ คน ไม่ใช่เรื่องง่าย
ต้องใช้พลังใจทั้งความเพียรและความมุ่งมั่นอย่ างมาก นอกจากนี้ ระหว่างทางไปสู่จุดหมายก็จะช่วยขัดเกลากรอบนิสัย
ให้เรามีวินัยทางการเงิ นที่แข็งแรง และ “ร วย” อย่ างมั่นคง
1. ลงทุนกับการศึกษาและพัฒนาตนเอง
สิ่งที่เป็นพื้นฐานก่อนที่จะออกไปหารายได้ให้มากขึ้น คุณควรเพิ่มพูนความรู้และลงทุนกับการพัฒนาตัวเองก่อน
ซึ่งเปรียบเสมือนการเตรียมตัวให้พร้อมก่อนออกเดินทางความรู้แรกที่ควรมี คือ ความรู้ด้านการเ งิน
เพราะความรู้เรื่องเ งินคือปัจจัยพื้นฐานที่จะทำให้คุณสร้างเ งินล้านแรกขึ้นมาได้
คุณควรเริ่มจากการใส่ใจการใช้จ่าย ศึกษาวิ ธีบริหาร และการลงทุน หาความรู้จากแหล่งต่าง ๆ เช่น
อ่ านหนังสือหรือบทความในอินเทอร์เน็ต พูดคุยกับคนที่มีความรู้ ดูรายการด้านการเ งิน
หรือกระทั่งลงเรียนคอร์สการเงิ นต่าง ๆ เป็นต้น
2. สร้างเครือข่าย (Connection) ที่มีคุณภาพ
ปัจจัยข้อสำคัญที่จะทำให้คนคนหนึ่งหรือธุรกิจธุรกิจหนึ่งเติบโตขึ้นได้อย่ างรวดเร็วนอกจากความ “เก๋า” หรือ “กึ๋น” ของเจ้าตัวแล้ว
ก็มาจาก Connection ที่กว้างและแข็งแรง เพราะการจะเติบโตได้จำเป็นต้องอาศัยความช่วยเหลือจากผู้อื่น
กระทั่งการเรียนรู้งานจากผู้อื่นเองก็สำคัญเช่นกัน
การมี Connection นั้น หลายคนอาจมองว่าหมายถึง “การเล่นเส้น” ซึ่งมีความหมายค่อนข้างแ ย่
แต่จริง ๆ การสร้างเครือข่ายที่ดี มีคุณภาพ หมายถึง การที่เราร่วมแรงร่วมใจ ผลักดัน สนับสนุนกัน
หรือการสร้างชุมชนที่เราจะร่วมแบ่งปันความรู้และความฝัน เมื่อเส้นทางใดที่มีเพื่อนร่วมเดิน
เรามักจะไปได้ไกลกว่าการเดินเพียงลำพัง นอกจากนี้ การนำตัวเองไปอยู่ในสังคมที่แวดล้อมด้วยคนที่มีแนวคิดการเงิ นและการทำงานที่ดี..
จะช่วยปรับทัศนคติ (Attitude) และแนวคิด (Mindset) ของเราให้ดีหรือเอื้อต่อความสำเร็จยิ่งขึ้นด้วย
3. เป็นเจ้าของระบบที่สร้างเงิ นได้ด้วยตัวเอง
Robert T. Kiyosaki ผู้เขียนหนังสือด้านการเงิ นชื่อดังอย่ าง “Rich Dad & Poor Dad” และเจ้าของผลงาน Best seller อีกหลายเล่ม
ได้เขียนถึงวิ ธีการหาเงิ นไว้ในหนังสือ “Cashflow Quadrant” หรือที่รู้จักกัน คือ
“เงิ น 4 ด้าน” โดยวิ ธีการหาเงิ นนั้นมีอยู่ 4 วิ ธี ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แ ก่
ไม่ทำงานก็ไม่มีเงิ น ได้แ ก่ คนที่เป็นลูกจ้าง และคนที่เป็นนายจ้างตัวเอง
ไม่ทำงานก็ยังมีเ งิน ได้แ ก่ คนที่เป็นเจ้าของระบบหรือกิจการที่ดำเนินไปได้เอง และนักลงทุน
แน่นอนว่า วิ ธีที่จะหาเงิ นล้านได้ง่ายกว่า คือ วิ ธีหาเ งินในกลุ่มที่ 2 ซึ่งในหัวข้อนี้พูดถึง
การเป็นเจ้าของกิจการหรือสร้างระบบให้งานขับเคลื่อนได้ด้วยตนเอง หรือ Business Owner
การเป็นเจ้าของกิจการ คือ การทำงานเพื่อตัวเอง และจ้างผู้อื่นมาทำงานให้เรา เป็นวิ ธีหาเงิ นล้านที่จำเป็นต้องลงแรงหนักเพียงช่วงก่อตั้ง
ตั้งแต่การคิดโมเดลธุรกิจ การหาแนวทางให้กิจการเป็นที่รู้จัก และ “ขาย” ได้ รวมถึงการวางระบบการทำงานต่าง ๆ และการคัดสรรพนักงาน (Employee)
เพื่อมาทำงานตามระบบที่วางไว้ และเมื่อระบบกิจการของคุณแข็งแรงดี มันก็จะขับเคลื่อนไปได้ด้วยตัวของมันเอง
เหมือนการผลักเฟืองหอนาฬิกาเพียงครั้งเดียว แม้อาจต้องใช้พละกำลังมาก แต่ผลที่ได้คือนาฬิกาที่หมุนได้เป็นเดือนหรือนานเป็นปี
นอกจากนี้ ในปัจจุบันเป็นยุคของ Startup เป็นยุคของ “The Ordinary” หรือ “คนธรรมดา” ที่ลุกขึ้นมาสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ที่มีอิทธิพลต่อโลก
โดยการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยสร้างระบบและให้ระบบหรือคอมพิวเตอร์เป็นฟั นเฟืองที่ทำงานแทนมนุษย์ ทำให้ต้นทุนที่เป็นตัวเงิ นต่ำมาก ๆ
แต่อาจเติบโตได้มากกว่า 100 เท่า เช่น ธุรกิจที่เป็นสื่อกลางระหว่างลูกค้าและผู้รับจ้าง ธุรกิจเกี่ยวกับการให้ข้อมูล ธุรกิจทำบัญชีแบบ out source ฯลฯ
4. เก็บออมสินทรัพย์
ในอดีต หากอย ากร วย เรามักถูกสอนมาว่า ต้องเก็บออมเงิ นให้มาก ๆ แต่สำหรับปัจจุบัน การ “ฝังเงิ นลงดิน”
หรือเก็บเงิ นไว้เฉย ๆ นั้นหมายถึง การปล่อยให้เงิ นเสื่อมมูลค่าลง จากภาวะเศรษฐกิจที่มีความผันผวนตลอดเวลา
หรือเงิ นเฟ้อการเก็บออมในยุคนี้ ควรเป็นการสะสมสินทรัพย์
เพราะสินทรัพย์หมายถึงสิ่งที่มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้นได้ โดยสิ่งที่เราจะเก็บออมสินทรัพย์นั้น จริง ๆ แล้ว คือ การเปลี่ยนเงิ นเป็นสินทรัพย์ประเภทต่าง ๆ
ซึ่งจะยังคงมูลค่าหรือเพิ่มมูลค่าจากเ งินตั้งต้น เช่น เงิ นฝาก หุ้น กองทุน บ้าน ท องคำ หรือสิ่งของอื่น ๆ ที่มูลค่าจะเพิ่มขึ้นตามก าลเวลา เป็นต้น
ขอบคุณที่มา : forlifeth