1. เพราะเราไม่ได้เกิดมาเพื่อทำงานอย่ างเดียว
เราไม่ได้ทำงานแล้วแฮปปี้ทุ กวัน หลายครั้งที่เรากลับไปบ้ า นแล้วอย ากจะลาออกมันซะเดี๋ยวนั้น
แต่ถ้าเรามีเป้าหมายอื่น ๆ ในชีวิต เช่น วิ่งมาราธอน, ปลูกต้นไม้ หรือแม้กระทั่งต่อ ป.โท
การเปลี่ยนโหมดมาทำเรื่องที่เราชอบจะทำให้อ ารมณ์ดีขึ้น และ เพิ่มความมั่นใจ
เพราะการเฟลจากที่ทำงานส่วนมากมักทำให้เราเสี ยกำลังใจ และข าดความมั่นใจในตนเอง
สำหรับเรามันส่งผลถึงการเข้าสังคม การตัดสินใจในเรื่องงาน และ อีกมากมาย
ยกตัวอย่ าง… มีเพื่อนคนนึงชอบตัดเย็บเสื้อผ้ามาก จริงจังขนาดลงคอร์สเรียนเส า ร ์อาทิตย์
ตอนนี้ทำงานประจำไปด้วย ตัดเสื้อผ้าขายไปด้วย จนตอนนี้เปิดร้านขายออนไลน์
สร้างเป็นอาชีพเสิรมที่มีรายได้มากกว่างานประจำไปละ
2. หัวหน้าก็คนนะ.. รู้ยัง
สำหรับมนุษย์เงิ นเดือนตัวจ้อยอย่ างเรา สิ่งที่พวกเรายำเกรงที่สุดในที่ทำงานก็คงจะหนีไม่พ้นเจ้านาย
คนที่เป็นหัวหน้างานเองก็มีนิสัยแต กต่างกันไป อย่ างตัวเราเคยเจอทั้งที่แบบขึ้นชื่อว่าโ ห ด สุด ๆ
ทำงานหนัก ไปจนถึงวัน ๆ ไม่ทำการทำงาน คอยสั่งคนนู้นทีคนนี้ที แต่พอได้มองดูดี ๆ เราก็พบว่า เฮ้ย หัวหน้าก็คนนี่หว่า
แต่คน ๆ นี้มันจะมาบ่นว่าขี้เกียจตื่น หรือโดนนายสั่งงานเยอะไม่ได้ไง เพราะอะไรน่ะเหรอ
นอกจากจะโดนหัวหน้าของเค้าเองเขม่นแล้ว ลูกน้องก็ยังจะไม่ให้ความเคารพด้วย
หนำซ้ำอาจจะพาลกันเสี ยระบบการปกครองทั้งทีม
ถ้าให้แนะนำก็อย ากจะบอกว่าพย าย ามเข้าใจเค้าดีกว่าว่าเค้าก็เป็นมนุษย์อย่ างเรา ๆ นี่แหละ
เป็นคนดีบ้ า งคนไม่ดีบ้ า ง นิสัยก็แต กต่างกันบ้ า งเป็นเรื่องปกติ อย่ ามองว่าเรากับเค้าอยู่คนละขั้วกัน
อย ากให้มองในมุมที่ว่าถ้าเราไม่ทำงานให้เค้า เค้าจะเอางานที่ไหนไปส่งละ
จริง ๆ หัวหน้าเลิกงานก็อย ากกลับบ้ า นไปเจอครอบครัว
ไม่ได้อย ากอยู่ดึก ๆ ให้คนที่บ้ า นเป็นห่วงหรอก เวลาว่างก็ไม่ได้อย ากทำงาน
ก็อย ากไปเที่ยวเหมือนกันนั่นแหละ แต่แค่ออกหน้าพูดมากแบบเราไม่ได้ ตำแหน่งมันค้ำคอ ลองคิดดู
แค่เรานำเสนองานกับหัวหน้าก็เกร็งจะแ ย่ นี่เค้าต้องเอางานเราไปนำเสนอกับหัวหน้าฝ่าย
หรือ CEO ลูกน้องคนไหนที่ช่วยแบ่งเบาภาระเค้าได้เยอะ เค้าก็จะรักคนนั้นเป็นธรรมดา
3. อย่ าเป็นตัวของตัวเองเกินไปในโลกออนไลน์
หลายคนเชื่อว่าโลกโซเชียลเป็นพื้นที่ส่วนตัว จะโ พ ส ต์ อะไรมันก็สิทธิ์ของเรา
แต่รู้รึเปล่าว่า HR สมัยนี้นอกจากจะดู resume เราแล้ว ยังดูเ ฟ ซ บุ๊ ก ของเราด้วย เพื่อนเราที่เป็น HR
ยืนยันมาว่า Social media บอกความเป็นตัวตนที่แท้จริงของเราได้มากกว่า Resume เป็นสิบเท่า เห็นไหมว่าตัวตนบนโลกออนไลน์
ของเรานั้นมีผลกับเราตั้งแต่ก่อนเข้างานซะอีก เมื่อเราเป็นมนุษย์เ งินเดือนเต็มตัว เรื่องพวกนี้ยิ่งต้องระวั ง
อย่ างเราคือไม่แตะเฟซบุ๊กเลย หรือถ้าจะโ พ ส ต์ /แ ช ร์อะไร ก็คิดแล้วว่าถ้าหัวหน้ามาเห็นก็ไม่เป็นไร
ถ้าอย ากมีพื้นที่ส่วนตัวจริง ๆ แนะนำให้แยกเฟสที่ทำงาน กับ เฟซส่วนตัวเลย แล้วปิดสาธารณพด้วย
เพราะ ส่วนมากคนในที่ทำงานเค้าก็ขอแอดกันอยู่แล้ว ยิ่งเรื่องดราม่าในที่ทำงาน คนนั้นคนนี้ เบื่องาน
หัวหน้างี่เง่า ห้ามโ พ ส ต์ เด็ดข าด โ พ ส ต์ ปุ้บมีคนแคปปั้บแน่นอน…!! เตื อนแล้วนะ
4. โฟกัสที่ลู่วิ่งของเรา สนใจ ใส่ใจ แต่… อย่ าเก็บลู่วิ่งคนอื่นมาอิจ ฉา
ช่วงปีที่ผ่ านมานี้ เพื่อนเราหลายคนเริ่มเรียนต่อ สร้างครอบครัว บางคนเปลี่ยนงานไปงานที่เงิ นเดือนสูงสุด ๆ
บางคนเริ่มธุรกิจของตัวเอง บางทีเราเลื่อนดูหน้าเฟซแล้วก็แอบคิดนะว่า เฮ้ย…!! คนนั้นคนนี้ได้ดิบได้ดี
แล้วตัวเราล่ะทำอะไรอยู่ แต่บอกเลยว่าชีวิตพวกเขาก็ไม่ได้ดีกว่าเราหรอกเผลอ ๆ เพื่อนหลายคนอาจจะกำลังอิ จฉาชีวิตเราอยู่ก็ได้
เคยมีคนเดินมาบอกเราว่าแหม ชีวิตดีจังนะ… คือตัวเราเองก็ไม่ได้คิดเลยว่าชีวิตเราดี สิ่งที่เราคัดกรองโ พ ส ต์
ลงโซเชียลนั่นแหละที่ดี จงจำไว้ว่าอย่ าเอาจังหวะชีวิตของเราไปเปรียบเทียบกับคนอื่น
โฟกัสที่ลู่วิ่งของเรา รู้ว่าเรากำลังจะทำอะไร รู้ว่าปลายทางเราต้องการอะไร รู้ว่าวันนี้เราทำดีกว่าเมื่อวานแล้วหรือยัง
ก็เพียงพอแล้ว แอบมองลู่วิ่งคนอื่นบ้ า งเป็นบางครั้ง เพื่อเป็นแรงก ร ะ ตุ้ น ให้เราจริงจังกับชีวิตมากขึ้น แต่อย่ าเก็บมาใส่ใจจนเป็นทุ กข์พอ
ขอบคุณที่มา : jingjai999