1. ขยันเน้นเชิงปริมาณ
นั่นคือขยันทำให้ได้มากที่สุด ไม่สนหรอกว่างานที่ออกมามีคุณภาพดีมั้ย ย าจกใช้เวลาทำงานมากเท่าที่คุ้น
นั่นคือย าจก เคยคุ้น กับการทำงานด้วยเวลา เค้าก็จะใช้เวลามากเท่านั้น
แต่ขณะที่เศรษฐี จะใช้เวลาทำงานมากเท่าที่ควร นั่นคืองานใดสำคัญงานใดใหญ่
เขาจะใช้เวลาอย่ างเต็มที่ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีมากกว่าเน้นการใช้เวลาให้มาก
ฉะนั้น จงอย่ าขยันเน้นจำนวน จงเน้นขยันเชิงคุณภาพด้วย ชีวิตจะได้มีคุณภาพมากขึ้น
2. ขยันให้กับความฝันที่ไม่ใช่ของตน
คนที่ประสบความสำเร็จจะมีฝัน คนที่ประสบความสำเร็จทุ กคนจะมีเป้าหมาย การที่ขยันเป็นเรื่องที่ดี ไม่ว่ายังไงก็ตาม
การมีความขยันที่เหมือนจะดี แต่กลับเป็นสิ่งที่คอยขวางไม่ให้ร วย คือความขยันในการสร้างฝันให้คนอื่นเขา
คนที่ไม่มีเป้าหมายในชีวิต คือคนที่ทำงานให้กับคนที่มีเป้าหมาย
คุณจงถามใจตัวเองว่า ตอนนี้คุณขยันเพื่อฝันของตัวเอง หรือทำเพื่อฝันใครอยู่
3. การขยันแบบไม่สนอะไร
ไม่ว่าคุณจะมีความขยันมากแค่ไหน ด้วยความรักและความฝัน ก็ยังย ากจะเป็นเศรษฐีได้
และหากคุณยังขยันอย่ างผิด ๆ อยู่ คือการขยันที่ ตะบี้ตะบัน ไม่สร้างสรรค์หรือปรับปรุงอะไร ลองทบทวนในสิ่งที่ทำบ้าง
การทบทวนตัวเอง ทำให้เกิดผลดีผลเสี ยยังไงบ้าง ทั้งที่เป็นเรื่องส่วนตัวของเราเอง
หรือเป็นเรื่องที่ร่วมคิดกับคนอื่น จะทำให้สิ่งที่เราทำมีประสิทธิภาพมากขึ้น
4. ขยันเพื่อขายเวลาแลกเ งิน
เวลาเป็นสิ่งที่มีอยู่อย่ างจำกัด เมื่อขยันทำงานเพื่อขายเวลาแลกเ งิน คุณจะไม่มีวันร วย
หากเลือกขยันเพื่อขายเวลา แปดชั่ วโมงต่อวัน ให้กับนายจ้าง รายได้จึงจำกัด
และถ้าคุณเลือก ขายเวลาเพื่อเ งิน คุณจะไม่ทีทางได้พบกับอิสรภาพทางการเงิ นเลย
คนร วยต้องการความมั่งคั่ง และพวกเค้าคิดว่าเวลาเป็นทรัพย ากร เวลาไม่สามารถเก็บเอาไว้ใช้ได้
เพราะงั้นพวกเขา เลือกขยันที่จะรับ เงิ นตามผลของงานโลก ระบบทุนนิยมจ่าย เงิ นตามอัตราความสามารถของคุณ
ยิ่งคุณตอบโจทย์ ชีวิตของผู้อื่นได้ตรงใจเขามาก เขาก็ยิ่งพร้อมจะจ่ายเ งิน ให้คุณมากเท่านั้น
5. ขยันในสิ่งที่ตัวเองไม่ได้ต้องการทำ
การที่เราทำงานที่ไม่ได้รัก อาจจะทำให้เราได้โบนัส แต่นั่นคือความทุ กข์ หลายคนก้มหน้าก้มตาทำงานที่ไม่ได้รัก
คุณคิดว่าทำในสิ่งที่รัก กับทำในสิ่งที่ไม่ได้รัก สิ่งไหนผลงานจะออกมาดี มีคุณภาพกว่ากันล่ะ
เราจงทำในสิ่งใจรัก งานที่เกิดจากความศรัทธาต่อสิ่งที่ทำดีกว่า เพียงขยันในสิ่งที่รัก จะเป็นการเริ่มต้นของความร วย
ขอบคุณที่มา : dhammasawatdee