1. เงิ นจะหาย ากขึ้น
ลองดูทุ กวันนี้สิ ว่าคนเริ่มจับจ่ายใช้สอยกันน้อยลงขนาดไหน
นี่ยังไม่รวมกับวิกฤตโควิดที่เพิ่งเกิ ดขึ้นจนส่งผลกระทบในวงกว้าง
และหากในอนาคตที่ ธ น าค ารทั่วโลกจะให้ด อกเบี้ยเ งินฝาก 0%
เท่ากับคนที่ฝากเงิ นใน ธ น าค ารจะไม่ได้ด อกเบี้ยเลย
2. ความเหลื่อมล้ำจะมากขึ้น
หากเงิ นฝากไม่มี ดอ กเบี้ย ก็จะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดความเหลื่ อมล้ำในสังคมเพิ่มมากขึ้นได้เช่นกัน
คนร วยที่มีอยู่เพียงไม่กี่เปอร์เซ็ นต์ก็จะยิ่งร วยขึ้น ในขณะที่คนจนคนที่หาเช้ากินค่ำ
ไม่มีเงิ นเหลือเก็บ ก็ต้องทำงานหนักแบบนี้ไปตลอดชีวิต
3. คำว่า “อิสรภาพทางการเงิ น” จะเอื้ อมถึงได้ย ากขึ้น
เดี๋ยวนี้ใคร ๆ ก็ชอบพูดเรื่อง อิสรภาพทางการเงิ นกันมากขึ้น การที่มีรายได้เข้ามามากกว่ารายจ่าย
แบบที่เราไม่ต้องทำงาน เป็นการสร้างอิสรภาพทางการเ งินให้ตัวเอง
ซึ่งคนสมัยก่อนจะนิยมฝากเงิ นเพื่อเอา ด อ กเบี้ ย แต่ถ้ามองดูยุคปัจจุบัน เราคงทำแบบนั้นไม่ได้แล้ว
และยิ่งลงทุนผิ ดที่ กลายเป็นว่าเราจะต้องทำงานไปตลอดชีวิต
4. ผู้สูงอายุต้องกลับมาทำงาน
ปกติคนวัยนี้ส่วนใหญ่ก็มักจะวางแผนก่อนวัยเกษี ยณ เพื่อให้มีเงิ นเก็บเงิ นก้อนไว้ใช้หลังเกษียณ
ได้มากเพียงพอที่จะสามารถฝ าก ธน าค าร และหวังเก็บ ด อ กเบี้ ยกินได้บ้างแต่ถ้าหากเงิ นฝากไม่มี ด อ กเบี้ ย
ก็จะทำให้เงิ นก้อนค่อย ๆ ถูกใช้ไปจนหมด แล้วก็กลายเป็นว่า ผู้สูงอายุต้องกลับมาทำงาน เพื่อหาเงิ นเลี้ยงตัวเองอีกครั้ง
5. ครอบครัวมีปัญหามากขึ้น
สมัยก่อนผู้ชายจะเป็นคนออกไปทำงานหาเ งิน เพื่อมาเลี้ยงครอบครัว ผู้หญิงจะอยู่บ้านคอยดูแลงานบ้านและเลี้ยงลูก
ทำให้มีเวลาอยู่กับลูกได้ตลอด แต่พอมายุคนี้ ทั้งพ่อและแม่ก็ออกไปทำงานนอกบ้านและยิ่งยุคที่เงิ นหาย าก
ยิ่งต้องทำงานมากขึ้นไปอีกเพราะหาเงิ นมาก็ไม่พอค่าใช้จ่าย
6. เงิ นจะอยู่เหนือคนมากยิ่งขึ้น
เมื่อเงิ นหาย ากมากขึ้น ก็ยิ่งมีค่ามากขึ้น และคนก็จะพ ย าย ามทำทุ กอย่ าง
เพื่อให้ได้มันมาโดยไม่สนว่าใครจะลำบ ากหรือเดื อดร้ อน
ขอบคุณที่มา : khobjainas