Home ข้อคิดดีๆ “ถ้าหากชาติหน้ามีจริง” ให้ลูกได้ดูแลแม่แทนแล้วกัน

“ถ้าหากชาติหน้ามีจริง” ให้ลูกได้ดูแลแม่แทนแล้วกัน

1 second read
ปิดความเห็น บน “ถ้าหากชาติหน้ามีจริง” ให้ลูกได้ดูแลแม่แทนแล้วกัน
0
369

“แม่ครับ วันนี้เป็นวันเกิดของผม วันนี้เมื่อ 23 ปีที่แล้ว จนถึงตอนนี้

แม่เหนื่อยและลำบากเ พราะผมมาก เป็นเรื่องที่ใคร ๆ ก็ไม่อย ากให้เกิดขึ้น

ลูกชายคนนี้ของแม่เกิดมา พร้อมกับ โ ร ค กล้ามเนื้ อลีบฯ แม่ทนกับคำถากถาง ของญาติพี่น้องในทุ ก ๆ วันได้อย่ างไร ?

แม่ทิ้งเงิ นเดือนในตำแหน่ง ผู้จัดการอันสูงลิ่ว ชีวิตครอบครัวจบลง ด้วยการหย่ าร้าง

แม่เข้มแข็งเด็ดเดี่ยวเลี้ยงดู ผมมาลำพังจนเติบใหญ่ ที่จริงแม่ทิ้งผมไว้ ที่บ้านเด็ กกำพร้าก็ได้ แต่แม่ก็ไม่ทำ เพ ราะอะไร?

คุณหมอบอกว่า “เด็ กคนนี้น่าจะอยู่ได้สัก 6 ปี หรือ 12 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปี”

ผมไม่รู้ว่าเมื่อแม่ได้ยินข่าวร้า ยอย่ างนี้ ทำไมยังพูดคุยหัวเราะบอกกับผมว่า

“คุณลุงหมอบอกแม่ว่า ลูกจะหายตอนอายุ 6 ขวบ และจะหายเป็นปกติตอนอายุ 12 ขวบ”

ตอนที่ผมอายุได้ 18 ปี อาการป่ วย ของผมกำเริบหนัก ทำให้ผมอย ากต ายให้มันแล้ว ๆ ไป

ผมไม่รู้ว่าคนต กงานอย่ างแม่ทำได้ยังไง ที่ไม่ให้สิ่งเหล่านี้มากดทับซ้ำเ ติมคนอ่อนแออย่ างผม

วันนี้ผมอายุ 23 ปีแล้ว ที่ผมอยู่ได้มากขึ้นในแต่ละวัน ก็เพราะแม่ส่งเสริม ก็เพราะเกียรติของแม่

ตอนที่เรียนมัธยม แม่ทำงานใช้ห นี้จนแทบไม่มีเวลาเป็นของตัวเอง จึงทิ้งโอกาส

ที่จะเดินทางเพื่อไปรับรางวัลคุณแม่ดีเด่น แต่วันนี้ผมภูมิใจในตัวแม่มาก

ผมอย ากจะบอกแม่ดัง ๆ ว่า “ผมรักแม่ แม่คือคุณแม่ดีเด่นในใจผมตลอดไป”

ตอนเล็ก ๆ ผมไม่เข้าใจ และผมก็โมโหมาก ทุ กครั้งที่ผมหกล้ ม แม่ไม่เคยมาพยุงผมเลย

ต่อให้ผมคลานอยู่กับพื้นที่สวนสาธารณะ ถูกผู้คนมองนานเป็น 10-20 นาที

แม่ก็ไม่เคยเข้ามาพยุงผม ผมต้องกัด ฟั น จั บเก้าอี้พยุงตัวเองขึ้นมา

เมื่อผมโตผมจึงเข้าใจ คนที่เป็น โ ร ค เดียวกับผมไม่มีใครเดินได้ หากแม่ไม่ใจดำกับผม

ผมคงจะฝึกเดินเองไม่ได้จนถึงตอนนี้ แต่ผมไม่รู้ว่าแม่ทนได้ยังไงที่จะไม่เข้ามาพยุงผม

ทุ กนาทีที่ผมล้ มลุกคลุกคลานอยู่กับพื้น มันไม่ใช่เหมือน มี ด ที่ คอยกรีดใจแม่เป็นร้อย ๆ พัน ๆ ปีหรอกหรือ?

ยิ่งใคร ๆ เขาสงส ารผม แม่ก็ยิ่งเรียกร้องกับผม ตอนเป็นเด็ กกล้ามเนื้ อมือไม่แข็งแรง

เวลาเขียนตัวหนังสือก็เหมือนไก่เขี่ย ผมเขียนได้บรรทัดหนึ่ง แม่ก็ฉีกไปหน้าหนึ่ง

เกรดไม่ดี คะแนนลดไปหนึ่งคะแนน แม่ก็ตีผม “เดินก็ไม่ถนัด ยังจะมาเรียนหนังสือแ ย่อีก แม่ต ายไปแล้วลูกจะทำยังไง?”

ผมเรียนมัธยม จนถึงเรียนมหาลัยแห่งชาติได้ สิ่งเหล่านี้เป็นเ พราะแม่คอยเตรียมการให้

การเรียนไม่ใช่สาเหตุของความสำเร็จในชีวิต แต่นี่มันปูด้วยหยด

เ ลือดและน้ำตาของแม่ แส้ที่แม่ตีผม ทุ กครั้งที่แม่ตีถูกเนื้ อผม ก็เจ็ บไปถึงใจของแม่

แม่ยอมทนเจ็ บที่ใจ เพื่อให้ผมยืนหยัดได้ด้วยตนเอง ไม่ต้องให้ใครเขามาสมเพชผม

ตอนที่แม่เปิดบริษัทเอง ไม่ว่าจะยุ่งยังไงก็ตาม แต่ก็จะมาส่งข้าวกลางวันให้ผมด้วยตัวเองทุ กครั้ง

ก็เพร าะผมชอบกินข้าวกล่องของร้านนั้นเป็นพิเศษ แต่แม่ก็มาไม่ทันข้าวเที่ยงสักวัน

ผมต้องถูกลงโท ษให้ไปกินนอกห้องช่วงพักเรียนตอนบ่ายทุ กวัน แต่ที่ผมไม่เคยบอกแม่เลยก็คือ

ทุ กวันที่ผมได้เห็นแม่ในช่วงกลางวัน ต่อให้แป๊บเดียว ผมก็มีความสุขมาก

ตอนที่ผมเรียนมัธยม บริษัทที่แม่เปิดต้องปิดลงเพ ราะหุ้นส่วนใจดำทั้งหลาย

แม่จึงไปรับจ๊อบที่สำนักงานบัญชีเพื่อประทังชีวิต แต่ฟ้ายังไม่สว่างเลย

แม่ก็ไปทำงานที่ร้าน ข า ย อาหารเช้าแล้ว ตอนเย็นก็ไปล้างถ้วย

ที่ร้านอาหารบุฟเฟต์อีก เพื่อที่จะได้เอาอาหารที่เหลือ ข า ย มาให้ผมกิน

จำได้ว่ามีอยู่คืนหนึ่ง ประมาณ 5 ทุ่ม แม่ยังไม่มารับผมที่โรงเรียน

ครูสอนพิเศษพาผมลงไปรอแม่ที่เซเว่น “เอ๊า! จะดื่มอะไร เลือกเอง”

ผมยืนอยู่หน้าตู้แช่ กลอกตามองไปมา ผมไม่เคยใช้เ งิน

และก็ไม่ชินกับการซื้อเครื่องดื่ม จึงไม่รู้จะเลือกอย่ างไร?

“อื่อ อันนี้อร่อยดีนะ” ครูสอนพิเศษหยิบชานมกระป๋องเขียว 2 กระป๋อง ไปจ่ายเงิ นที่เค้าเตอร์

ผมเข้าใจคำว่าเลือกในทันที ผมไม่มีเ งิน ผมจึงเลือกเครื่องดื่มที่ผมชอบไม่ได้

ชีวิตของแม่ก็เช่นกัน แม่ก็เลือกไม่ได้เหมือนกัน ในตอนนั้น ผมคิดแต่เพียงว่า

หากแม่มีเงิ น แม่ก็คงมีทางเลือกมากขึ้น ผมไม่ต้องการเป็นเศรษฐี

แต่อย่ างน้อย ผมอย ากเป็นคนเลือกบ้าง เลือกในสิ่งที่ผมต้องการ และที่ผมต้องการก็คือ

อย ากให้แม่กลับบ้านเร็วหน่อย ตอนเช้าตื่นสายๆ หน่อย

ตอนที่เรียนมัธยม โ ร คได้กำเริบรุ นแรง ทำให้ผมขึ้นรถเมล์ไปเรียนเองไม่ได้

ไม่สามารถเดินไปรับอาหารกลางวัน ฟรีที่สหกรณ์ได้อีก ตอนที่ต้องนั่งล้อเข็นใหม่ ๆ

ผมรับไม่ได้กับอุปกรณ์ส่วนเกินนี้ นอกจากร้องไห้แล้ว ผมก็อย ากให้ชีวิตของผมมันจบ ๆ ไปซะที

ผมถามฟ้าเบื้องบนอยู่เสมอว่า “ทำไมท่านทำกับผมอย่ างนี้?” ผมรู้ว่าแม่เจ็ บป วดมากกว่าผม

แต่แม่กล้ำกลืนอดทนมันไว้ ทุ กครั้งที่ผมร้องไห้จนเหนื่อยหอบอยู่บนโต๊ะ

แม่ก็จะแซวผมว่า “ดื่มน้ำเพิ่มไหม เสี ยน้ำตาไปมากแล้ว เดี๋ยวน้ำในตัวจะหมด”

ในวันนั้น ผมเอา มี ด ทำ อาหารของแม่เตรียมกรีดข้อมือตัวเอง แม่เห็นก็เข้ามาแ ย่ง

แม่เอามือของแม่จับคม มี ด ฉุ ดไปจากผม แม่ไม่ได้กลัวว่า มี ด จ ะบา ดมือแม่ยังไง

แม่ห่วงแต่ว่าจะให้ผมมีชีวิตต่อได้ยังไง ผมต กใจจนต้องปล่อยมือจาก มี ด นั้ น คลานไปนั่งที่มุมห้อง

“ไม่ต้องงอแงเลย เอา มี ด ม าให้แม่ แม่จะไปทำข้าวเย็น” ผมรู้สึกมันไร้ส าระมาก

ผมไม่อย ากมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้ว แม่ยังจะมาทำข้าวเย็นให้กินอีก แต่แม่รู้ไหมครับ

คำๆ นี้ของแม่อยู่กับผมในช่วงเวลาที่ชีวิตดิ่งลงเหวลึกเสมอมา

“ไม่ว่าจะเจ็ บป วดหรือทุ กข์ทรม านเพียงใด พรุ่งนี้ก็ยังคงจะมาถึง ชีวิตยังคงต้องสู้ต่อ”

นี่คือสิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากวันนั้น ขอบคุณแม่มาก ที่เลี้ยงดูผมมาอย่ างไม่ปรักปรำพร่ำบ่น

แม่ยิ่งใหญ่สำหรับผมมาก หากชาติหน้ามีจริง ผมจะไม่ขอเป็นลูกของแม่อีก

ผมจะขอเกิดมาเป็นพ่อของแม่ เป็นแม่ของแม่ ผมขอเป็นคนดูแลแม่

ไม่ต้องให้แม่เจ็ บป วดและทุ กข์ทรม านอย่ างนี้อีก แม่ครับ…ผมรักแม่”

 

ขอบคุณที่มา : 108resources

Load More Related Articles
Load More By erz
Load More In ข้อคิดดีๆ
Comments are closed.

Check Also

ตัวเราก็มีค่า ในแบบตัวเรา

เมื่อชีวิตต้องพบ กับความผิดหวัง แพ้พ่าย เสี ยใจ การมีใค … …