1. เมื่อสองคนกลายเป็นลำพัง
จำได้ไห มว่าตอนจีบกัน ตอนแต่งงานใหม่ ๆ เคยออกไปซื้อข องจ่ายตลาดด้วยกันทุ กสุดสัปดาห์
จำได้ไหมว่าเราไปส่งลูกที่โรงเรียนด้วยกันทุ กวัน ? มันจะเกิดอะไรขึ้ น ถ้าสามีคุณเริ่มมีธุระบ่อย ๆ
และปฏิเสธที่จะไปไหนด้วยกัน ถ้าเป็นแบบนี้คุณควรเริ่มเปิด
ใจพูดคุยกันได้แล้ว เพื่อที่ความสัมพัน ธ์จะได้ไปแ ย่ไปกว่านี้
2. ทุ กครั้ งที่คุย ไม่รู้สึกดีเหมือนเคย
ทุ กครั้งที่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน จากที่เคยโทรหา ก็เ ริ่มไม่ค่อยสนใจ แถมไม่ค่อยจะรับสาย
อ้างว่างานเยอะยุ่งอยู่บ้าง ปิดเ สียงไว้ ไม่ได้ยินบ้าง
แม้กระทั่งตอนที่คุยกัน จากที่เคยเล่า เคยถามไถ่ ก ลับกลายเป็นความเงียบ
อ ารมณ์ไม่มีอะไรจะคุย ไม่รู้จะคุยอะไรก็เกิดขึ้นแบ บที่คุณก็รู้สึกได้ คำพูดที่ว่า“มีอะไรไว้คุยกั นที่บ้านนะ”
ออกจากปากของคุณสามีอยู่บ่อยครั้ง เมื่อคนสองคนเริ่มพูดกันน้อยลง
อีกไม่นานความสัม พันธ์อันง่อนแง่นก็จะตามมา
3. เกิดสังคมก้มหน้าขึ้นในบ้ าน
แม้ว่าเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าจะทำให้การติ ดต่อสื่อส ารดูง่ายขึ้น
แต่เรากลับรู้สึกเหมือนถู กตัดข าดจากคนใกล้ตัวเมื่อสามีเอาแต่ก้ม
หน้าเล่นมือถือ มีเวลาว่างเมื่อไหร่ก็หยิบแท็ปเล็ ตออกมาเล่น ไม่สนใจลูกเมียคุยได้ กดไลก์ได้ทุ ก
คนยกเว้นคนในบ้าน นั่นก็เป็นอีกสัญญาณที่อาจแสดงถึง อาการหมดรักของสามี ก็เป็น ได้
4. เถียงกัน น้อยลง
ไม่เพียงในแง่ของการสนทนาเท่านั้น ถ้ารู้สึกว่าสา มีมีข้อโต้แย้งน้อยลง ได้ยินแต่คำว่า “แล้วแต่”
คุณอาจจะต้องเริ่มกังวลบ้า งแล้วล่ะ เพราะมันอาจจะเป็นสัญญานของการดื้อเงียบ อันเนื่อง
มาจากเขาเริ่มไม่มีความสุขกับความสัมพันธ์ที่เป็นอยู่นี้ ในขณะที่คุณอาจคิด ว่ามันเป็นเรื่องทีดีที่สามี
ไม่มาโต้เถียงทะเลาะด้วย ตามใจตลอด แต่จริง ๆ แล้ว นั่นอาจหมายความว่าเขาไม่ได้สนใจคุณเหมือนเคยก็ได้
5. ถามอะไรก็ไม่มีความเห็น
เมื่อก่อนเคยชมว่าใส่ชุดนั้นสวย ใส่ชุดนี้น่ารัก
แต่ตอนนี้กลับแสดงท่าทีเฉ ยๆ แต่งหน้าสวยก็ไม่ชมแถมบ่นว่าต้องรอนาน
ตอนอ อกไปช้อปปิ้งก็ทำหน้าเฉยชา
ถามอะไรก็ไม่มีความเห็น อาการแบบนี้ เป็นใครก็น้อยใจทั้งนั้น
ขอบคุณที่มา : verrysmilejung