1. เลิกคาดหวังให้คนอื่นเปลี่ยนแปลงในทันที
“เลิก สู บ บุ ห รี่ ไ ด้ แ ล้ ว มิฉะนั้น ฉันจะเลิกกับคุณ” การคาดหวังให้ใครบางคนเลิก ทำพฤติก ร ร ม บางอย่ างในทันที
คุณอาจผิดหวังได้ โปรดจำไว้ว่า ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงคนอื่นได้ หากคนนั้น ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงตัวเอง
คุณจึงไม่ควรพย าย ามไปเปลี่ยนแปลงใคร เพราะเมื่อคุณพย าย ามเปลี่ยนแปลงคนอื่น
แล้วเขา ยังคงเหมือนเดิม คุณก็จะเป็นทุ กข์ แต่หากคุณต้องการเปลี่ยนแปลงเขาจริงๆ
ต้องหาวิ ธีการต่าง ๆ ทำอย่ างค่อยเป็นค่อยไป ใจเย็นๆ อดทน และรอคอย ผลที่เกิดขึ้นอาจจะทำให้คุณชื่นใจก็เป็นได้
2. เลิกคาดหวังให้คนอื่นมาชื่นชม
“โอ๊ย..ทำดีขนาดนี้แล้วยังไม่ชอบเราอีก” คนส่วนใหญ่มักคาดหวังให้คนอื่นมาชื่นชม
แต่หลายคนก็ต้องผิดหวัง และเป็นทุ กข์ เมื่อสิ่งที่คาดหวังนั้นกลับเป็นตรงกันข้าม
ทางพ ระท่านสอนว่า การทำดี จะมีใครเห็นหรือไม่นั้น ไม่จำเป็น เพราะการกระทำนั้นมันดีแล้ว
ตั้งแต่ที่เราทำ และก็นำความชื่นอกชื่นใจมาให้ผู้ทำเสมอทุ กครั้งที่ได้ระลึกถึง
ไม่ว่าคนอื่นจะชื่นชมหรือไม่ก็ตาม การคาดหวังว่าคนอื่นจะมาชื่นชมชื่นชอบในการทำดีของคุณ
จะทำให้คุณเป็นทุ กข์เมื่อไม่มีใครเห็น จำไว้เสมอว่า ทุ กครั้งที่คุณทำเรื่องดีหรือ ชั่ ว ถึงใครไม่เห็น คุณนั่นแหละเห็น
3. เลิกคาดหวังให้คนอื่นต้องเป๊ะทุ กเรื่อง
“ทำไมทำงานครั้งนี้ ไม่ดีเหมือนครั้งก่อนล่ะ” ทุ กคนล้วนมี ด้านมืดและสว่างอยู่ในตัวเอง
ไม่มีใครสมบูรณ์แบบไปทั้งหมด บางคนปากร้ า ย แต่ใจดี บางคนร่า งกายพิก าร
แต่สม องเป็นเลิศ ดังนั้น การคาดหวังให้คนอื่นต้องเลิศเลอเพอร์เฟ็ค หรือเป๊ะทุ กเรื่องอยู่ตลอดเวลานั้น
จึงเป็นการคาดหวังที่มากเกินจริง ที่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอน
เพราะมนุษย์ปุถุชนย่อมมีรัก โลภ โกรธ หลง เป็นธรรมดา หากเข้าใจความจริงดังนี้แล้ว
คุณก็จะรู้จักให้อภั ยย ามที่เขาทำไม่ดีหรือผิ ดพลาดไป
4. เลิกคาดหวังให้คนอื่นมานับถือ
“ทำไมไม่เห็นมีใครนับถือฉันเลย เห็นฉันเป็นอะไรเนี่ย” ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร ใหญ่โตแค่ไหน
หรือแ ก่ชราเพียงใด หากคุณทำตัวไม่น่านับถือ น่าศรัทธา การคาดหวังให้คนอื่นมานับถือ ศรัทธา
ย่อมเป็นไปไม่ได้ ดังนั้น อย่ ามัวเสี ยเวลาแสวงหาความนับถือจากผู้อื่น ถ้าคุณยังไม่ทำตัวเอง
ให้นับถือตนเองได้เสี ยก่อน หากวันใดที่มองดูตัวเองในกระจกแล้วยกมือไหว้ตัวเองได้อย่ างสนิทใจ
เมื่อนั้นคุณย่อมได้รับการเคารพนับถือจากผู้อื่นเช่นกัน
5. เลิกคาดหวังให้คนอื่นรู้ใจ
“แหม..ไม่รู้เลยหรือไง ว่าวันนี้ฉันอย ากกินข้าวขาห มู” เ สียงบ่นพึมพำปนหงุดหงิด
เมื่อเห็นอาหารที่วางอยู่ตรงหน้าเป็นข้าวมันไก่ที่เพื่อนร่วมงานซื้อมาให้
“ไม่รู้หรือไง..ว่าฉันกำลังหิวข้าว อ ารมณ์ไม่ดี มาถามอะไรเซ้าซี้อยู่ได้”
“ไม่รู้หรือไง….ฯลฯ” การคาดหวังให้คนอื่นต้องรู้ใจทุ กครั้ง ว่าตอนนี้คุณกำลังคิดหรือรู้สึกเช่นไร
ต้องการอะไร แบบไหน เป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ ดังสำนวนไทยที่ว่า “รู้หน้า ไม่รู้ใจ”
ซึ่งมันทำให้คุณต้องเสี ยความรู้สึก เสี ยอ ารมณ์ เสี ยใจ และอีกส ารพัดจะเสี ย
ทางที่ดีควรบอกไปตรงๆถึงความรู้สึกและความต้องการของคุณ แล้วคุณจะไม่ผิดหวังอีกเลย
ขอบคุณที่มา : s t a n d – s m i l i n g