Home ข้อคิดดีๆ นิทานสอนใจ “จง ร ะ วั ง ความคิด” เขียนได้ดีมาก

นิทานสอนใจ “จง ร ะ วั ง ความคิด” เขียนได้ดีมาก

25 second read
ปิดความเห็น บน นิทานสอนใจ “จง ร ะ วั ง ความคิด” เขียนได้ดีมาก
0
427

ราชโอรสของพ ระเจ้าแผ่นดินเมืองหนึ่ง ได้ศึกษาศิลปศาสตร์กับฤาษีรูปหนึ่งในป่า

เมื่อเรียนอยู่หลายปีก็จบการศึกษา อาจารย์ฤาษีก็มอบผอบให้ และบอกว่า

 

ในผอบนี้มีสิ่งที่แปลกประหลาด และมีพลังมหาศาล เจ้าจะเปิดกลางทางไม่ได้ ต้องถึงเมืองเสี ยก่อน

 

พอถึงครึ่งทาง.. ก็เกิดความคิดในใจ .. อาจารย์คงหลอกเราเล่นเท่านั้น คิดเช่นนั้นก็เปิดผอบ

เกิดเป็นหมอกควันขึ้น แล้วปรากฏเป็นยักษ์ตนหนึ่งซึ่งมีกำลังมาก

 

 

ยักษ์ตัวนั้นบอกว่า “เจ้านายที่เคารพ ข้าเป็นผู้ที่มีพลังมาก โปรดใช้งาน มิเช่นนั้นข้าจะทำร้ ายท่าน”

 

เจ้าชายก็ใช้ให้สร้างปราสาท สร้างเจดีย์ ขุดบ่อน้ำ ทำทุ กอย่ างที่เจ้าชายนึกขึ้นได้

แต่ยักษ์ก็สามารถทำให้เสร็จทันตามที่ต้องการเสมอ

 

เจ้าชายชักจะกลัดกลุ้ม จึงวาดแผนการไว้ในใจว่า เห็นทีจะต้องเตรียมงานไว้ล่วงหน้า

แต่ว่าทุ กครั้งที่เจ้าชายสั่งงานใหม่ ยักษ์ก็ปรับตัวมันให้ทำงานไวขึ้นเรื่อย ๆ

 

ในที่สุดเจ้าชายก็ต กใจเหลือขนาด นึกถึงคำสอนของพ ระฤาษีได้ว่า

เพราะไม่เชื่อฟัง ไม่เคารพคำของครูบาอาจารย์ ว่าเช่นนั้นแล้วก็ใช้งานพลางวิ่งกลับอาศรมพ ระฤาษี

 

มาถึงอาศรมอาจารย์ ซึ่งอาจารย์ก็นั่งรออยู่แล้ว เพราะรู้ว่า ไอเด็ กคนนี้มันดื้อ

เจ้าชายก็เข้าไปกราบเท้าพ ระฤาษี แล้วส ารภาพผิด ขอให้อาจารย์ช่วย

 

“ยิ่งใช้มันก็ยิ่งทำเร็วขึ้น ยิ่งใช้มันเท่าไหร่มันก็ยิ่งทำเร็วขึ้น” อาจารย์ก็หัวเราะแล้วบอกว่า

 

“แล้วทำไมแกไม่ใช้งาน ให้มันทำงานไม่รู้จบเล่า” เจ้าชายนึกไม่ออกว่างานไม่รู้จบคืออะไร

ขณะนั้นฤาษีก็ถอนขนรักแร้ส่งให้เจ้าชาย บอกว่า “ให้มันรูดให้ตรงซิ”

 

เจ้าชายก็ยื่นให้ยักษ์ ยักษ์ก็ทำหน้าที่รูดขนรักแร้ให้ตรง มันยิ่งคด ยิ่งรูดมันยิ่งคด

ดังนั้น เจ้าชายก็สามารถควบคุมยักษ์ซึ่งมีพลังมากได้

 

เมื่อจะใช้งานอื่นก็วางธุระอันนั้น พอเสร็จงานก็ยื่นขนให้ สั่งให้ทำให้ตรงอีก

ในที่สุดเจ้าชายก็สามารถควบคุมยักษ์ซึ่งมีพลังกลับไปสร้างบ้านเมืองอย่ างมีความสุข

 

นิทานก็จบเท่านี้ ชีวิต ก็เหมือนสัตว์ร้ ายที่มีพลัง ในชีวิตของเราก็เหมือนกับมียักษ์ตนหนึ่ง

ซึ่งมีเรี่ยวแรงมาก จิตใจมันคิดตลอดเวลา ดังนั้น ต้องให้งานมันทำ ถ้าไม่ให้งานมันทำ มันจะฆ่ าเราทันที

 

และต้องให้งานมันทำชนิดไม่รู้จบ เช่น เฝ้าดูการกระพริบตา เอี้ยวซ้ายเอี้ยวขวา

ตราบใดที่เรายังมีชีวิต ย่อมจะต้องมีการเคลื่อนไหว

 

ดังนั้น เมื่อเราเอาสติ หรือความรับรู้ทั้งหมด เข้าไปดูกฎธรรมชาติ อันเป็นไปไม่รู้จบสิ้น

เราก็สามารถคุมเรี่ยวแรงแข็งขันของชีวิตได้ พลังมันก็ถูกหมุนไปสู่การสร้างสรรค์

 

 

สิ่งที่เรียกว่า ตัณหา ที่จริงคือพลัง ตัณหาราคะอะไรทั้งหมดนั้นมันเป็นกำลัง เมื่อเราโกรธใคร

เราอาจเดินไปสักห้ากิโลเมตรไปทำร้ ายเขา มีเรี่ยวแรงถึงขนาดนั้น

 

เมื่อเราชอบใคร การเดินทางข้ามทวีปไปหา ก็ไม่ใช่เรื่องย าก หรือถ้าเป็นจักรพรรดิชอบผู้หญิงที่ไหนสักคน

ยกกองทัพรอนแรมไปเป็นเดือน ไม่รู้เอาเรี่ยวแรงมาจากไหน

 

ดังนั้น สิ่งที่เรียกว่ากิเลสหรือตัณหา มันมีกำลังสูงจะต้องให้มันไปทำงานที่ไม่รู้จบ

ในที่สุดงานที่ไม่รู้จบจะไปควบคุมเรี่ยวแรงมันไว้ได้

 

ถ้าสมมุติการนึกคิดปรุงแต่งของเราแต่ละครั้ง ออกมาเป็นเหรียญทีละบาท ป่านนี้ท่วมบ้านท่วมเมือง

คิดกลัดกลุ้มคิดดีคิดเ ลว ถ้าออกมาเป็นเหรียญทีละบาท ๆ ป่านนี้ไม่ต้องเรียนหนังสือแล้วร วยไปแล้ว

 

แต่เมื่อไม่รู้จักวิ ธีควบคุมมัน เราก็แ ย่แน่ คิดหนักเข้าก็เป็นโ รคประส าท ในที่สุดก็ตา ยไป เรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะอะไร

 

จริง ๆ แล้วเราไม่เจตนาที่จะเป็นคนคลุ้มคลั่งอะไร เราตั้งใจมั้ยที่จะเป็นคนบ้ า เราไม่ต้องการเลย

เราไม่ต้องการจะเป็นคนทุ กข์ แต่มันมีเหตุ เหตุนั่นคือความไม่รู้ตัว

 

มันเกิดความไม่รู้ตัวเรื่อย ๆ เหตุอันนี้จะทำให้เราป วดหัว ทุ กข์ท รมาน

 

ขอบคุณที่มา : d h a m m a s a w a t d e e

Load More Related Articles
Load More By erz
Load More In ข้อคิดดีๆ
Comments are closed.

Check Also

ตัวเราก็มีค่า ในแบบตัวเรา

เมื่อชีวิตต้องพบ กับความผิดหวัง แพ้พ่าย เสี ยใจ การมีใค … …