Home ข้อคิดดีๆ เขียนไว้ดีมาก “กว่าจะรู้จักชีวิต ก็ ผ่ า น มาครึ่งชีวิตแล้ว”

เขียนไว้ดีมาก “กว่าจะรู้จักชีวิต ก็ ผ่ า น มาครึ่งชีวิตแล้ว”

22 second read
ปิดความเห็น บน เขียนไว้ดีมาก “กว่าจะรู้จักชีวิต ก็ ผ่ า น มาครึ่งชีวิตแล้ว”
0
1,270

เป็นอีกหนึ่งบทความดีๆ ที่ให้แง่คิดการใช้ชีวิตอย่ างมีคุณค่า คนเราพออายุใกล้ 30 เรามีความสุขกับเสื้อ ผ้ ากระเป๋าน้อยลง แต่ความสุขของเราเริ่มเกิดขึ้นเมื่อรู้ว่าต่อจากนี้

จะใช้ชีวิตยังไง ถึงจะมีความสุขในแบบของตัวเองเราอย ากโทรหาพ่อแม่ ทุ ก ครั้งที่มีเวลา เราอย ากสำเร็จให้เร็วที่สุดเพื่อให้พ่อแม่ได้เกษียณ

พักผ่อนตามอัธย าศัย เพราะเราก็คงอย ากทำแบบเดียวกันตอนอายุเท่าพ่อแม่การตั้งใจหา เ งิ น เป็นสิ่งที่ถูกแล้ว ถ้ายังไม่สำเร็จก็ขยันไปเถอะ แต่ การตั้งใจไม่ได้แปลว่าต้อง

ให้งานเป็นทั้งหมดของชีวิตต้องสร้างต้นทุน สุ ข ภ า พ ให้ได้ก่อน สุ ข ภ า พ เป็นการลงทุนระยะย าว ยังไม่เห็นผลตอนนี้แต่ ก็ต้องทำเพื่อให้มีแรงต่อยอดต้นทุนอื่นที่

เหลืออยู่มาจะครึ่งคนแล้ว เราจะไม่หนีปัญหาเพราะในชีวิตไม่ว่าเรื่องอะไรถ้าเราละเลยในวันนี้ มันจะวกกลับมาหาอีกในวันหน้า ไม่ช้าก็เร็ว แต่มาแน่นอน

เราไม่เอาเรื่องดราม่าในชีวิตมาบ่นในเฟสบุค ถึงโพสต์แล้วมันทำให้ได้ ร ะ บ า ยแต่เพื่อน ทุ ก คนในเฟสบุคไม่ได้ต้องการเป็นที่ ร ะ บ า ย ถ้าจะมีคงเป็นแค่เพื่อนบางคน

และเราเลือกที่จะคุยกับเค้าในชีวิตจริงมากกว่าการเลิกแล้วต่อกันโดยไม่ยึด ติ ด กับความคิดตัวเองว่าเราผิดหรือไม่ผิด มันทำให้ชีวิตไปต่อได้

อ ย่ า ติ ด อยู่กับกับดัก อ า ร ม ณ์ นานๆ ปล่อยให้ความจริงปกป้องเราเอง จบที่ใจตัวเองให้ได้ความรักเวลาคบกันไปนานๆ เรื่องที่เค้าทำให้เรามาตลอด

เราได้รับจนชินก็จะไม่เห็นคุณค่ากลายเป็นว่าสุดท้ายจะไม่มีอะไรดีเลยเพราะเราคาดหวังมากขึ้นเรื่อยๆ

วิ ธี แก้คือให้กลับบ้าง จะได้รู้ว่าการทำอะไรให้ต่อ เ นื่ อ ง สม่ำเสมอมันก็แสดงว่าเค้ารักเรามากแค่ไหนตอน เ ด็ ก จะใส่เสื้อยืดกางเกงยีนส์

ไปไหนก็ได้ ตอนโตสังคมคนทำงาน ภาพลักษณ์เป็นสิ่งที่สำคัญมากวันไหนแต่งตัวดีจะรู้สึกเหมือนฟ้าเปิดงานราบรื่นความจริงคนตัดสินกันที่ภายนอกมันก็ปกติ

เพราะยังไม่รู้จักก็ต้องดูจากที่เห็นก่อนแต่บุคลิกภาพดีไม่ได้แปลว่าต้องแต่งตัว ร ว ย หรือสวย เราว่ามันคือความลงตัวและรู้จัก ก า ล ะ เทศะมากกว่ารอยยิ้มเป็นสะพานเชื่อมมิตรภาพ

กับคนใหม่ๆ ฝึกยิ้มให้คนไม่รู้จัก ถึงจะแป๊กบ้างแต่ ก็ยังมีโอกาสได้รู้จักเพื่อนดีๆ อ ย่ า ติ ด พูดคำว่าเดี๋ยว ถ้าจะทำต้องทำเลย เพราะถ้าไม่ทำเลยก็จะมีเรื่องอื่นมาแทรกจนสุดท้าย

ไม่ได้ทำเทคโนโลยีเป็นเรื่องที่ต้องรีบตามให้ทัน ไม่ใช่แค่ถูก D i s r u p t แต่เพราะเป็นทางลัดของอะไรหลายๆ อย่ างได้ ต้นทุนลด โตแบบก้าวกระโดด มีโอกาสทั้งนั้น

คิดให้มาก ทำให้มากกว่า เรามองเห็นเพื่อนหลายคนที่โตมาด้วยกันมีเส้นทางชีวิตที่ต่างกันออกไป

แม้จะไม่ได้คุยกันเลย แต่เชื่อว่า เพื่อนก็ยังเป็นเพื่อนอยู่เสมอโอกาสมักมาตอนได้เจอคนใหม่ๆ หรือไปในสถานที่ใหม่ๆ ทุ ก วัน กินข้าวให้อิ่ม หลับให้สนิท รักตัวเองให้เยอะๆ

เราอยู่ในโค้งสุดท้ายของวัยที่ยังลองผิดลองถูกได้ ช่วงนี้จะถามตัวเองบ่อยๆ ว่ายังมีอะไรที่อย ากลองอีกไหม

ถ้าธุรกิจยังไม่นิ่งอย่ าเพิ่งดึง เ งิ น ออก เพราะถ้าเจอวิกฤติจะพังทั้งระบบเลย ยิ่งถ้าสายป่านสั้น c a s h f l o w ยิ่งสำคัญมากๆ

มี เ ด็ ก หลายคนที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย และมีผู้ใหญ่หลายคนที่ประสบความสำเร็จตอนอายุมากแล้ว เพราะฉะนั้น มันไม่ได้เกี่ยวกับอายุแบ่งเวลาอยู่ในโลกออนไลน์

ให้พอดี อะไรที่มากเกินไปย่อมมี โ ท ษ เสมอ ถ้าต้องยกเลิกอะไรกับใคร ตัดสินใจได้แล้วให้รีบบอกทันที อย่ ารอให้ตัวเองกล้าพูดแล้วค่อยบอก

เพราะจะทำให้คนอื่นแก้ปัญหาไม่ทันเราอยู่ในวัยที่มีมากพอที่จะแบ่งปัน เป็นผู้ให้ย่อมสุขกว่าเป็นผู้รับ ความเป็นผู้นำ และการทำงานเป็นทีมจะช่วยให้สำเร็จได้ไวขึ้น

เราเชื่อในพลังของT e a m w o r k การคบเพื่อนที่หลากหลาย ทำให้เราต่างเติบโตทางความคิดได้มากคนเก่งแต่ไหนถ้าเจอปัญหาครอบครัวเข้าไป

ส่วนใหญ่ p e r f o r m a n c e ลดลงเกิน 80% ดูแลความสัมพันธ์ในครอบครัวสำคัญสุด ถ้ายังไม่สำเร็จ ลองเปลี่ยน วิ ธี การไปเรื่อยๆ อย่ าทำแบบเดิมซ้ำๆการเปิดใจฟังคำวิ จ า ร ณ์

ช่วยให้เราได้รู้ว่าสิ่งที่ต้อง รีบแก้ไข คืออะไรพออายุมากขึ้น อย่ าเพิ่งลืมความฝันวัย เ ด็ ก ที่เคยมี พ่อแม่ยังมองว่าเราเป็น เ ด็ ก เสมอ แม้วันนี้จะเป็นผู้ใหญ่แล้ว ไม่จำเป็นต้องต่อต้าน

แค่เข้าใจก็พอการทำงาน ไหนๆ ก็ต้องใช้เวลาทำเหมือนกัน ทำให้ดี ทุ ก ครั้งไปเลย อย่ างน้อยเราได้ฝึกพัฒนาตัวเองไปด้วย หากมีเพื่อนหรือใครมาขอความช่วยเหลือ

อย่ าช่วยในสิ่งที่ตัวเองต้องมานั่งกลุ้มภายหลัง ความจริงถ้าเค้าเห็นเราเป็นเพื่อน เค้าคงไม่ทำให้เราต้องลำบากใจตั้งแต่แรก

การตัดสินในช่วยเหลือใคร แค่เราหวังดีอย่ างเดียวไม่พอ ต้องดูที่ตัวเค้าด้วยว่า ได้พย าย ามแล้ว มากแค่ไหนความกดดันแบบสุดขีด มักทำให้เราเห็นศักยภาพสูงสุดของตัวเอง และช่วงเวลาที่ ต ก ต่ำที่สุด

จะกลายเป็นเรื่องเล่าที่ดีที่สุดในวันที่เรา ผ่ า น มันไปได้เวลาตอบคำถามใคร ถ้าเกินจากที่รู้ให้ตอบว่าไม่รู้ อย่ าแกล้งทำเป็นรู้ กล้าถามแค่ครั้งเดียว ดีกว่ากลับไปแล้วทำอะไรต่อไม่ได้เลย

เรามักละเลยคนใกล้ไปทำดีกับคนไกล แต่เมื่อเจอปัญหาคนใกล้ต่างหากที่ไม่เคยทิ้งเราระมัด ร ะ วั ง ทุ ก การกระทำ คนเราทำดีร้อยครั้งจำไม่ได้ ทำผิดครั้งเดียวจำไม่ลืมอย่ าพย าย ามสอนใคร

ถ้าเค้ายังไม่พร้อมที่จะเปิดใจรับฟัง ยิ่งโตขึ้นยิ่งมีแต่เรื่องให้ต้องตัดสินใจ แต่ไม่ว่าตัดสินใจถูกหรือผิดยังไง ชีวิต ก็ยังต้องเดินหน้าต่อไปเท่านั้น

แม้แต่คนที่เราเกลียดที่สุด ก็ให้บทเรียนที่ดีที่สุดกับเราได้ ทุ ก อย่ างเป็นประสบการณ์ในการพัฒนาตัวเองได้หมด แค่ต้องคัดกรองให้เป็นว่าเรื่องไหนควรรับ เรื่องไหนควรทิ้งอย่ าเป็นคนขี้ อิ จ ฉ า

เวลาเห็นคนอื่นสำเร็จ อะไรที่มันเป็นของเรา มันก็จะเป็นของเรา สิ่งที่ทำให้เราเปลี่ยนแปลงชีวิตได้มากมีสองสาเหตุ

1.พลังบวก

2.คือความเ จ็ บ ป ว ดขั้นสุด

คน ร ว ย จะเก่งในการลดเวลาทำงานที่ เ นื้ อ งานไม่สร้างมูลค่า 20 กว่าปีที่ ผ่ า น มา เป็นวัยที่ทำมาหากิน อ ย่ า ง รุ น แ ร ง ช่วงชีวิตต่อไป ต้องเริ่มบริหาร ทุ ก ด้านให้เป็นระบบกว่านี้

และสุดท้าย กว่าจะรู้ว่าชีวิตคืออะไร เราก็ใช้มันไปแล้วครึ่งชีวิตใจนึงก็กลัวตัวเลข 30 แต่อีกใจ ก็ อ ย า ก ขอบคุณที่วันนี้มุมมองชีวิตเปลี่ยนไปเยอะเหมือนกัน

ขอบคุณ สบายตา

Load More Related Articles
Load More By Young Hug Phai Eek Dai Bor
Load More In ข้อคิดดีๆ
Comments are closed.

Check Also

จังหวะชีวิต ของแต่ละ ค น มักจะไม่เหมือนกัน

บางคนเรียนจบตอนอายุ 22 ปี.. แต่ต้องรออีก 2 ปี ถึงจะหางา … …