ในวินาทีที่บุคคลหนึ่งบุคคลใด กำลังจะถึงแ ก่ความต าย ปกติแล้ว เมื่ออยู่ในช่วงเวลาแห่งความเป็นความต าย
จิตของผู้ที่ไม่เคยฝึกฝนการภาวนาเลยจะควบคุมได้ย ากมาก ก่อนที่จิตสุดท้ายจะดับไปสู่ความต าย จิตจะต้องเข้าภวังค์เสี ยก่อน
ภวังค์จิต ก่อนต ายนี้มีลักษณะพิเศษ คือประสาทสัมผัสจะดับ หูไม่ได้ยิน ตาไม่เห็น จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รู้รส กายไม่รู้สัมผัส
พูดง่าย ๆ ว่าร่าง กายไม่ทำงานแล้ว แต่จิตยังทำงานอยู่ ในขณะนั้นเองจะมีนิมิตปรากฏขึ้นในภวังค์จิต ได้แ ก่
1. ก รรมอ ารมณ์ปรากฏ
คือสิ่งที่ทำไว้ในชาตินี้ หรือชาติก่อน จะมาปรากฏในภวังค์จิต
เป็นลักษณะเหตุการที่ดำเนินไปเรื่อย ๆ คล้ายดูภาพยนตร์ ไม่ได้เจาะจงจุดใดจุดหนึ่ง
2. ก รรมนิมิตอ ารมณ์ปรากฏ
กรณีนี้จะไม่ปรากฏเป็นภาพในภวังค์จิต แต่จะปรากฏเป็นภาพกุศล หรืออกุศลที่ตนเคยทำไว้ในชาตินี้แทน
ซึ่งจะมีความชัดเจนมาก เช่น เห็นภาพตอนที่ตนเองไปทำบุญทำกุศล สร้างก รรมดี ไปช่วยสร้างวัด
หรือเห็นสัตว์ตัวที่เคยฆ่ าไว้ ซึ่งจะทำให้ไปเกิดทันที ด้วยผลก รรมที่รุ นแ รง
3. คตินิมิตอ ารมณ์ปรากฏ
คือเกิดนิมิตเป็นผลแห่งก รรม เช่น เห็นเป็นภพภูมิตามผลก รรมที่ตนกระทำไว้ เห็นเป็น น ร ก สวรรค์
เป็นวิมาน เป็นเทวดา นางฟ้า หรือเปรต อสุรกาย สัตว์เดรฉาน เป็นผลแห่งก รรม จากการกระทำนั้น ๆ เป็นต้น
ซึ่งนิมิตทั้ง 3 นี้ ไม่มีใครสามารถบอกได้ว่า ก่อนเสี ยชีวิตจะเกิดนิมิตแบบไหนขึ้น
บางคนอาจคิดว่า จะใช้ประโยชน์จากจิตสุดท้าย ซึ่งเคยได้ยินว่า ในชีวิตจะทำอะไรมาก็ตาม
ถ้าจิตสุดท้ายคิดดี ก็เป็นอันว่า ได้ไปเสวยสุขอยู่แดนสวรรค์
ก็ต้องขอบอกว่า “กฏแห่งก รรม” มิได้มีความโ ง่เขล าถึงเพียงนั้น ความคิดเช่นนี้ไม่ได้ทำได้ง่ายนัก
เพราะจิตที่กำลังจะปฏิสนธิจิต เปลี่ยนภพเปลี่ยนชาติ เป็นจิตที่มีความรุ นแ รง ควบคุมได้ย ากมาก
สมัยพุทธก า ล มีสตรีผู้หนึ่งกระทำความดีมาตลอดชีวิต อยู่ในศีลธรรมตลอด
หากแต่วาระสุดท้าย จิตพลิกไปคิดถึงความผิดอันน้อยนิดที่เคยทำไว้
ยังบันดาลให้นางต้องไปชดใช้ก รรมอยู่ในน ร กภูมิชั่ วระยะเวลาหนึ่ง
พลังจิตนี้เอง จะสามารถช่วยผู้ที่ฝึกจิตในช่วงเวลาสำคัญเหล่านี้ได้ เพราะผู้ฝึกจิตทุ กคนจะมีความคุ้นเคยกับการเข้าภวังค์
ยิ่งมีพลังจิตมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีความสามารถควบคุมการทำงานของจิตในภวังค์
ซึ่งภวังค์ในสมาธิก็มีความคล้ายคลึงกับภวังค์ในจิตสุดท้ายมาก นักพลังจิตที่มีความรู้จะใช้โอกาสท อ งนี้
ยกจิตขึ้นสู่ฌานสมาธิ ส่งจิตไปสู่พรหมโลก หรือหากแม้ผู้ฝึกจิตมีความเชียวชาญในการทำวิปัสสนาอยู่แล้ว
ก็อาจใช้ช่วงเวลาดังกล่าว พิจารณาธาตุขันธ์ จนเห็นความเกิดดับ ตัดตรงเข้าสู่นิพพานก็ยังได้
เรียกว่า เป็นการใช้ภวังค์แห่งความต ายให้เกิดประโยชน์สูงสุด นั่นคือใช้เพื่อการบรรลุธรรมเป็นพ ระอรหันต์ในวินาทีสุดท้ายนั่นเอง
ฉะนั้น ผู้ที่หวังไปสู่สุคติภูมิ ไปสู่ภพภูมิที่ดี มีความสุขในภพภูมิต่อไป ต้องหมั่นทำแต่ความดี มีความซื่อสัตย์ มีคุณธรรม
ทำบุญสร้างกุศลสร้างแต่ก รรมดี และหมั่นฝึกฝนวิปัสสนาให้พร้อมอยู่เสมอ
เพราะเราไม่อาจรู้ได้ว่า เมื่อไหร่เราจะหมดอายุขัย หรือหมดเวลาบนโลกใบนี้ เร่งสะสมบุญ สะสมก รรมดีกันดีกว่า อนุโมทนาสาธุ
ขอบคุณที่มา : dhammasawatdee