1. เรียกร้องมากไป
ความรักเป็นเรื่องของความพอดี อะไรมากไปหรือน้อยไป มักทำให้ความรักมีปัญหาเสมอ
ไม่มีใครในโลกนี้ที่พร้อมจะถูกสั่งให้เปลี่ยนนิสัยหรือเปลี่ยนพฤติกร รมเป็นอย่ างโน้น เป็นอย่ างนี้ตามที่อีกคนต้องการ
และไม่มีใครยอมซะทุ กอย่ างไปได้ตลอด พฤติก รรมของการเรียกร้องเกิดจากความคาดหวังที่เต็มเปี่ยม
พอคาดหวังในความรักของอีกคนมาก ๆ ก็เผลอเจ้ากี้เจ้าการ ร่ำร้องในสิ่งที่ตัวเองต้องการ จนมองไม่เห็นถึงความรู้สึกของอีกคน
กลายเป็นความไม่สมดุลที่รังแต่จะทำให้ความสัมพันธ์แ ย่ลง เพราะแม้จะรักอีกคนแค่ไหน
แต่การเรียกร้อง เอาแต่ใจจนเกินเรื่องก็ทำให้ความรักลดน้อยถอยลงไปได้อย่ างรวดเร็ว
2. โมโหง่าย
ความรักทำให้เราคาดหวังไปต่าง ๆ นานา พอไม่ได้ดั่งใจ ไม่เป็นไปตามต้องการก็โมโหเอาง่าย ๆ
ที่สำคัญพอมีความรักคนเรามักมีแนวโน้มที่จะใช้อ ารมณ์มากกว่าเหตุผล ให้ความรู้สึกอยู่เหนือสิ่งอื่นใด
พอเป็นแบบนี้ทุ กอย่ างก็เลยพังและจบลงแบบง่าย ๆ จากอ ารมณ์ของคนทั้งคู่
ทั้งที่ความจริงแล้วการกระทบกระทั่งกันของคนรักเป็นเรื่องธรรมดา ต่อให้รักกันแค่ไหนยังไงก็ต้องมีปัญหา
มีโกรธ มีเคืองกันเป็นเรื่องปกติ การโมโหง่ายมีแต่จะทำให้ความรักสั่นคลอนโดยใช่เหตุ
เพราะนอกจากจะไม่ได้ทำให้ความรักแข็งแกร่งขึ้นแล้ว ยังบั่นทอนความรู้สึกดี ๆ และทำให้อีกคนรำคาญอีกต่างหาก
ทางที่ดีเปลี่ยนจากโมโหเป็นการพูดคุยเพื่อทำความเข้าใจกันดูจะเข้าท่ากว่า อย่ าลืมว่าไม่มีคู่ไหนไม่เจอปัญหา
เพราะฉะนั้นจะโมโหทุ กครั้งที่เจอปัญหาเพื่ออะไร
3. เช็กเก่ง ส่องเก่ง
จะว่าเป็นข้อผิ ดพลาดก็ไม่เชิง เพราะการเช็กโน่นนี่ และการสอดส่องพฤติกร รมคนรักถือว่าเป็นดีเอ็นเอของคุณผู้หญิงเลยก็ว่าได้
ส่วนผู้ชายจะมีบ้างแต่ก็ยังถือว่าน้อยกว่าผู้หญิงอยู่ดี จริง ๆ การสอดส่อง และเช็กบ่อย ๆ ไม่ได้ถือว่าเป็นข้อผิ ดพลาดที่ถึงกับทำให้รักพัง
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องอยู่บนพื้นฐานของความพอดี การไม่เช็ก ไม่ส่องเลยสำหรับผู้หญิงบางคนอาจทำได้ แต่ถ้าทำไม่ได้ก็ไม่ถือว่าผิด
แค่ต้องให้เกียรติอีกฝ่าย และไว้เ นื้อเชื่อใจกันบ้าง จะส่องทุ กวัน เช็กทุ กวันจนอีกคนไม่มีความส่วนตัวเลย
เพราะฉะนั้นพูดคุยทำความเข้าใจกับเรื่องนี้แต่เนิ่น ๆ ดีที่สุด ถ้าเป็นคนที่ชอบเช็ก ชอบส่อง รีบแจ้งความจำนงไปเลย
การบอกให้รู้ตัวก็ถือเป็นการให้เกียรติกันอย่ างหนึ่ง การพูดคุยกันเรื่องแบบนี้ทำให้เกิดความเข้าใจกันทั้งสองฝ่าย
นอกจากจะช่วยกระชับความสัมพันธ์ให้ดีขึ้นแล้ว ยังหลีกเลี่ยงปัญหาที่จะตามมาได้อีกมากมาย เพราะฉะนั้นทำความเข้าใจกันซะ
เรื่องแบบนี้จะดูว่าเล็กก็เล็ก แต่พอมีปัญหาขึ้นมาแล้ว..แก้ย ากเย็นเสมอ
4. รักนะ..แต่ไม่เคยแสดงออก
จะมีประโยชน์อะไรถ้ารักแล้ว ไม่เคยแสดงออกอะไรเลย การทำแบบนี้มีแต่จะทำให้อีกฝ่ายเกิดคำถามและไม่มั่นใจโดยไม่รู้สาเหตุ
ปัญหาหนึ่งของความรักก็คือการแสดงของคนสองคนมักไม่ค่อยเท่ากันเสมอ คนหนึ่งเกินเบอร์แต่อีกคนกลับเฉยชา
กลายเป็นความไม่สมดุลที่รังแต่จะทำให้ความรักพังครืน เพราะไม่มีใครทนกับเฉยชาไปได้ตลอด ความรักมีลิมิตของมันเสมอ
เพราะฉะนั้นถ้ารักแล้ว ต้องทำให้อีกฝ่ายรับรู้ด้วย การทำแบบนี้ไม่ใช่บอกว่าเรารู้สึกยังไง
แต่มันหมายถึงการเติมเต็มความสัมพันธ์ของคนสองคนไปเรื่อย ๆ ของแบบนี้ไม่บ่อย ไม่ถี่ แต่ต้องไม่หาย
5. ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่
คนเรามักจะมีเหตุผลที่ดีเสมอ บอกก่อนว่าเรื่องเล็กของคน ๆ หนึ่งอาจเป็นเรื่องใหญ่สำหรับอีกคน
เพราะฉะนั้นจงอย่ ามองปัญหาที่เข้ามาในความสัมพันธ์เป็นเรื่องเล็กเด็ดข าด เพราะอีกคนอาจไม่ได้คิดแบบนั้นอยู่ก็ได้
อย่ าลืมว่าแค่มีปัญหามันก็ย ากมากพออยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องทำโจทย์ให้ย ากเข้าไปอีก
ด้วยการทำให้มันกลายเป็นเรื่องใหญ่ เวลาเจอปัญหา..จะเล็กหรือใหญ่ไม่ใช่ประเด็น คิดอย่ างเดียวก็พอว่าต้องจับมือกันให้แน่นแล้วผ่ านไปให้ได้
6. รื้อฟื้น
ข้อผิ ดพลาดนี้ต้องเรียกว่าร้ ายแรงพอสมควรเลยทีเดียว เพราะนอกจากจะไม่ทำให้ความสัมพันธ์ดีขึ้นแล้ว
การรื้อฟื้นมีแต่จะทำให้อะไร ๆ เล วร้ ายลงไปอีก ต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่าอดีต ก็คืออดีต รื้อฟื้นไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรอีกต่อไปแล้ว
อดีตจะมีค่าที่สุดเมื่อเรานำมาใช้เป็นบทเรียน แต่จะไร้ค่าลงทันทีถ้าเรามัวหยิบยกมันขึ้นมาย้ำ ๆ ซ้ำ ๆ กับตัวเองและคนอื่น
ถึงเรื่องเดิม ๆ ทั้งที่แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว ดังนั้นไม่มีประโยชน์อะไรเลยที่เราจะทำตัวเป็นช่างรื้ออดีตขึ้นมาอยู่นั่นแหละ
ขอบคุณที่มา : getwellsoonxoxo