Home Uncategorized เมื่อ ขับรถทางไกล ต้องพักรถกี่นาที เรื่องที่คนรักรถควรรู้

เมื่อ ขับรถทางไกล ต้องพักรถกี่นาที เรื่องที่คนรักรถควรรู้

22 second read
ปิดความเห็น บน เมื่อ ขับรถทางไกล ต้องพักรถกี่นาที เรื่องที่คนรักรถควรรู้
0
6,121

การขับรถทางไกล ถือเป็นรูปแบบการขับรถที่นักขับรถส่วนใหญ่ต้องเรียนรู้ เ พ ร า ะในแต่ละครั้ง

เมื่อต้องขับรถทางไกลหล า ยคนเพียงแค่ขับรถออ กไปแล้ว ทุ ก อ ย่ างคือจบ

 

นั่นคือสิ่งที่นักขับรถต้องเรียนรู้เ พ ร า ะการขับรถทางไกลมีเรื่องที่เราต้องใส่ใจทั้งในเรื่องของสุ ขภ า พ

ของผู้ขับขี่รวมไปถึงการดูแลรั ก ษ ารถยนต์ กับคำถามที่ว่า

 

ขับรถทางไกล พักรถกี่นาที ดับเครื่องได้เลยไหมและอีกหล า ยข้อสงสัย รู้ใจได้เตรียมคำตอบให้แล้ว

พร้อมบอ กถึงการดูแลรั ก ษ ารถยนต์อ ย่ างดีที่สุดเมื่อต้องขับรถทางไกล

 

ขับรถทางไกล พักรถกี่นาที เรื่องสำคัญที่คนรักรถควรรู้

การดูแลรั ก ษ ารถยนต์เมื่อคุณต้องขับรถทางไกลสิ่งที่ต้องเรียนรู้อ ย่ างมาก เ พ ร า ะหล า ยคนเมื่อเดินทางไกล

มักไม่รู้หลักปฏิบัติที่ถูกต้อง โดยเฉพาะการพักเครื่องยนต์ระหว่างการเดินทางกับคำถามที่ว่า

 

ขับรถทางไกล พักรถกี่นาที เป็นเรื่องที่หล า ยคนแทบไม่รู้ เมื่อขับรถมาอ ย่ างหนัก จอ ดพักกันสักครู่แล้วก็ไปต่อ

นั่นหมายถึงการเสื่อมสภาพของชิ้นส่วนรถที่สามารถเกิดขึ้นได้อ ย่ างรวดเร็ว ดังนั้น มาดูกันว่า การขับรถทางไกล

ในแต่ละครั้งมีสิ่งใดที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษบ้าง

 

1.ขับรถทางไกล ควรพักเครื่องบ่อยแค่ไหน

คำถามแรกสำหรับการขับรถคือ แบบไหนที่เรียกว่าการขับรถทางไกล สำหรับคำนิย ามของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน

บางคนอาจด้วยความเคยชินที่เคยขับรถทางไกลนานจึงมีความรู้สึกว่า

 

การขับรถด้วยระยะทางที่เป็นอยู่นี้ไม่ได้ไกลแม้แต่น้อย แต่ในเรื่องของการบำรุงดูแลรั ก ษ ารถยนต์เราจะใช้ความรู้สึก

มาเป็นตัววัดไม่ได้หลักการที่ดีที่สุดที่จะทำให้คุณสามารถพักรถได้อ ย่ างเป็นระบบ นั่นคือ

 

ทุ ก ครั้งที่ขับรถไปถึงระยะ 200 กม. หรือประมาณ 2 ชม.แล้ว ควรหยุดรถให้รถได้พักสักครู่ หรือควรขับรถทางไกล

อ ย่ างต่อเนื่องไม่เกิน 3 ชม.ในกรณีที่มีคนขับเพียงแค่คนเดียว หรือไม่ควรเกิน 4 ชม.

 

ในกรณีที่มีคนขับสลับเปลี่ยนกัน เ พ ร า ะว่าสิ่งที่ต้องพักนั้นไม่ใช่เพียงแค่คนเท่านั้น แต่รถเองก็ต้องจอ ดพักเพื่อให้

เครื่องยนต์ได้รับการผ่อนคล า ยจากแรงเค้นต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากการขับรถทางไกลได้

 

นอ กจากนั้น การจอ ดรถพักไม่ได้มีประโยชน์เพียงแค่การพักเครื่องยนต์ แต่ยังรวมไปถึงการระบายความร้อนสะสม

ที่เกิดขึ้นกับย างรถยนต์ด้วย ซึ่งระยะทางสำหรับการพักรถที่ดีที่สุดสำหรับการดูแลย างรถยนต์อยู่ในช่วง 2-3 ชม.

หลังจากขับรถอ ย่ างต่อเนื่องเป็นเวลานาน เมื่อถึงระยะควรจอ ดพักรถสักครู่ แล้วค่อยเดินทางต่อ

 

2.ขับรถทางไกล ควรจอ ดพักรถนานแค่ไหน

อีกหนึ่งคำถามที่ต ามมานั่นคือ ในการจอ ดรถแต่ละครั้งควรจอ ดพักรถนาน มากน้อยเพียงใด โดยทั่วไปแล้ว ระยะเวลา

สำหรับการพักรถที่เหมาะสมควรอยู่ที่ประมาณ 10-15 นาที ซึ่งถือว่าเป็นระยะเวลาที่เหมาะสม

 

แต่ถ้าหากระหว่างทางไม่มีจุดแวะพักและต้องขับรถต่อไปอีกสักระยะ การลดความเร็วให้อยู่ประมาณ 60-80 กม./ชม.

เป็นการดูแลรั ก ษ ารถยนต์และถนอมเครื่องยนต์ไม่ให้ทำงานหนักจนเกินไป เมื่อถึงจุดแวะพักหรือที่หมายแล้วให้ทำการ

พักเครื่องประมาณ 10-15 นาที ได้เหมือนเดิม

 

3.การจอ ดพักรถที่ถูกต้องเมื่อขับรถทางไกล

อีกหนึ่งคำถามที่มีการถกเถียงกัน มาอ ย่ างเนิ่นนานคือ รูปแบบการจอ ดรถแบบใดที่เหมาะสมสำหรับการพักรถหลักจากมี

การขับรถทางไกล สิ่งที่เป็นตัวเลือ กที่มักทำกันอยู่เสมอคือ การเปิด-ปิด

 

กระโปรงรถนั่นเอง สำหรับคนรักรถหล า ยคนเมื่อถึงที่หมายแล้ว มักเปิดฝากระโปรงรถเพื่อช่วยระบายความร้อน

แต่สำหรับบางคนมองว่าไม่ใช่เรื่องจำเป็น แต่ถ้ามีพื้นที่มากพอสามารถเปิดฝากระโปรงรถได้

 

การเปิดฝากระโปรงพักรถเอาไว้ถือเป็นสิ่งที่สามารถทำได้ แต่ถ้าหากไม่ได้เปิดแล้วก็ไม่ได้สร้างความเ สี ยห า ยต่อ

การบำรุงดูแลรั ก ษ ารถยนต์มากเท่าใดนัก

 

4.ขับรถทางไกล ดับเครื่องได้เลยทันทีหรือต้อง ติ ด เครื่องยนต์เอาไว้สักพัก

อีกหนึ่งคำถามที่สร้างความป ว ดหัวสำหรับการขับรถทางไกลคือ เมื่อขับรถทางไกลมาแล้วสามารถดับเครื่องยนต์ได้เลยไหม

ซึ่งทั้งหมดนี้เรื่องของเครื่องยนต์มีความเกี่ยวข้องเป็นอ ย่ างมาก สามารถแจกแจงออ กมาได้ใน 2 รูปแบบ ดังนี้

กรณีเครื่องยนต์ เบนซิน

 

สำหรับนักขับที่ใช้รถเครื่องยนต์ เบนซิน เช่น รถเก๋ง หรือ รถอเนกประสงค์ โดยทั่วไปแล้วเมื่อถึงจุดหมายหรือจุดพักรถ

ที่ใดสามารถทำการดับเครื่องได้ในทันที เ พ ร า ะระบบการเ ผ าไหม้ของเครื่องยนต์

 

เบนซินเป็นระบบการฉีดน้ำมันเข้าสู่ห้องเครื่องโดยตรง อีกทั้งระบบการระบายความร้อนของรถที่ใช้น้ำมันเบนซินทำออ กมา

ได้ดีอยู่แล้ว ดังนั้น โดยหลักปฏิบัติทั่วไป ไม่จำเป็นต้อง ติ ด เครื่องทิ้งไว้แล้วค่อยดับเครื่อง

 

กรณีเครื่องยนต์ ดีเซล และ เครื่องยนต์ เบนซิน ที่ ผ่ า น การปรับแต่ง

สำหรับเครื่องยนต์ ดีเซล มักมีการใส่ระบบที่เรียกว่า เทอร์โบ ชาร์จเจอร์ เข้าไปในระบบซึ่งการทำงานของระบบนี้จะมีการ

 

อัดอากาศเข้าไปเพื่อเพิ่มกำลังการเ ผ าไหม้อีกด้วย สำหรับการขับรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ ดีเซล

ควรทำการจอ ดรถและยังคง ติ ด เครื่องเอาไว้สักครู่ประมาณ 5 นาที เพื่อให้การสันดาปในระบบเ ผ าไหม้ให้สมบูรณ์แล้ว

 

ค่อยทำการดับเครื่อง โดยการจอ ด ติ ด เครื่องนั้นให้ปรับมาเป็นการเดินรอบเครื่องที่เบาที่สุด

แนะนำว่าเมื่อรถเริ่มมีเ สี ยงเดินรอบสม่ำเสมอค่อยดับเครื่องก็ได้ หรือประมาณ 5 นาที ซึ่งถือว่าไม่น้อยและไม่มากจนเกินไป

 

แต่สำหรับเครื่องยนต์ เบนซิน ที่ไม่ได้มีกฎต ายตัวสำหรับเรื่องนี้ คุณสามารถ ติ ด เครื่องต่อไปได้อีกสักครู่

แล้วค่อยดับเครื่องก็ได้เช่นเดียวกัน เพื่อความสบายใจและมั่นใจว่าระบบการเ ผ าไหม้ในห้องเครื่องนั้น

ส ะ อ า ดหมดจดทั้งหมดแล้ว

 

ทำไมต้องหลีกเลี่ยงการใช้น้ำล้างหน้ารถทันที หลังการขับรถทางไกล

อีกหนึ่งรูปแบบการพักรถที่มักเกิดขึ้นบ่อย ๆ คือ เมื่อรถวิ่งมาจน มีความร้อนโดยรวมค่อนข้างสูงสามารถใช้น้ำราดบนบริเวณ

ฝากระโปรงรถเพื่อช่วยระบายความร้อนได้หรือไม่ ในกรณีนี้มักเกิดขึ้นกับรถที่มีอายุมากกว่า 10 ปี

 

และมีปัญหาเกี่ยวกับระบบระบายความร้อนที่ใช้น้ำเป็นตัวหล่อเย็น ซึ่งหล า ยครั้งปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างการขับรถทางไกล

คือความร้อนที่เพิ่มสูงเร็วเกินไป ทำให้ต้องจอ ดพักรถบ่อยครั้งและต้องใช้เวลาในการพักรถที่ย าวนานขึ้น

 

บางคนจึงเลือ กใช้การฉีดน้ำเพื่อลดความร้อนลงอ ย่ างรวดเร็วเพื่อรั ก ษ าเวลาสำหรับการเดินทางให้ไปต่อได้รวดเร็วขึ้น

ซึ่งการทำลักษณะนี้เป็นเรื่องที่ ไม่ควรทำอ ย่ างยิ่ง เ พ ร า ะรถยนต์ที่วิ่งมาด้วยความร้อนจัด

 

หากถูกความเย็นเข้าไปในทันที จะเกิดอาการบิดเบี้ยวโค้งงอ หรือถ้าหนักมากคือ กระบอ กสูบอาจ แ ต ก เอาได้ง่าย ๆ

หากคุณขับรถทางไกลมา หรือแม้กระทั่งขับรถในระยะทางสั้น ๆ แล้วพึ่งมาถึงจุดหมาย

 

การใช้น้ำล้างรถทันทีเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำเช่นกัน รอให้รถระบายความร้อนสักพักด้วยการเปิดฝากระโปรง

แล้วค่อยใช้น้ำล้างต ามทีหลังดีกว่า

 

ที่มา roojai

Load More Related Articles
Load More By Young Hug Phai Eek Dai Bor
Load More In Uncategorized
Comments are closed.

Check Also

จังหวะชีวิต ของแต่ละ ค น มักจะไม่เหมือนกัน

บางคนเรียนจบตอนอายุ 22 ปี.. แต่ต้องรออีก 2 ปี ถึงจะหางา … …