คนเราไม่ว่าอยู่ในสถานะคบกันหรือแต่งงาน มีครอบครัว
ก็ต้องเจ็ บป วดด้วยกันทั้งนั้น กับการพลัดพรากสูญเสี ยของรักไป
การเจอคนใหม่ในช่วงระหว่างคบหากัน หากจากกันด้วยดีมักไม่เป็นปัญหา
แต่หากจากกันด้วยการยื้อแ ย่ง เขาแ ย่งฉัน เธอแ ย่งเขา มักจะต้องเจ็ บป วดเป็นธรรมดา
ส่วนคนแต่งงานแล้วมีครอบครัว แน่นอนว่าอาจจะเจ็ บป วดมากกว่า เพราะได้เลือกแล้ว
ผ่ านการตัดสินใจแล้ว เมื่อคู่ของตนเปลี่ยนใจ ก็ย่อมเจ็ บลึก เจ็ บนาน เป็นของธรรมดา
คนเราหากเพ่งดูให้ดี ไม่มีใครจะแ ย่งใครจากเราไปได้ หากคนของเราไม่พร้อมก้าวขาออกไปเอง
คนที่เขารักเรา เขาจะไม่เอื้อมมือไปดึงมือใครอีกคนมาทำร้า ยคนที่เขารักให้เจ็ บหรอก
เว้นแต่เขาไม่ได้รักแล้ว อีกนัยคือ ใจเขาไม่อยู่แล้ว เขาจึงทนเห็นคนที่รักเขาเจ็ บป วดได้โดยไม่รู้สึกเท่าไหร่
สำหรับคนคบหากันเป็นแฟน ก็มองได้ทั้งด้านเธอและฉัน …ด้านเธออาจจะเบื่อหน่าย ทนพฤติกร รมอีกฝ่ายไม่ได้
พอถึงจุดที่มีทางเลือกจึงตัดสินใจได้ง่าย …ด้านฉัน เขามาแ ย่งของ ๆ เราไป ไม่รับความจริงและไม่ปรับปรุงตัว
จึงยังเจ็ บป วดเพราะเข้าใจว่าถูกยื้อแ ย่งไป …ด้านคนมีครอบครัว เขาเจอคนใหม่ในวันที่ไม่ใช่
เมื่อเขาตัดสินใจเลือกคนมาใหม่ นั่นก็บ่งบอกแล้วว่า…ครอบครัวไม่ได้สำคัญกับเขา
แต่คนมาใหม่สำคัญกว่าจนยอมแลก เมื่อเขาตัดสินใจใช้กิเลสนำศีลและความถูกต้อง
ก็ต้องปล่อยเขาไปตามทางที่เขาเลือก
ทางพุทธชดใช้กร รมหมดก็ต้องจาก เมื่อเว รกร รมจบสิ้นถึงเวลาไม่อย ากจากก็ต้องจาก
หากไม่ต่อเติมบุญ ไม่รั กษาศีลให้เสมอกัน จิตใจของอีกคนสูง อีกคนต่ำจึงอยู่กันไม่รอด
โลกนี้แม้จะกว้างใหญ่เพียงใด แต่ไม่มีใครใหญ่เกิด “กร รม”
ทุ กคนย่อมต้องได้รับผลจากการกระทำทั้งนั้น ไม่ช้าก็เร็ว
หลุมดำมันกว้าง มืด และลึก แต่ไม่ลึกจนจะปืนขึ้นมาได้ เมื่อทำผิ ดพลาดก็เร่งกลับตัวกลับใจ
เมื่อถูกกระทำก็จงปล่อยวางให้อภั ย เมื่อใจไม่ยึดติ ดอดีต คำถามนี้ก็จะไม่เกิดอีก
ขอบคุณที่มา : getwellsoonxoxo