Home เรื่องน่ารู้ คนร วยกับคนจน สังคมต่างกันเยอะ

คนร วยกับคนจน สังคมต่างกันเยอะ

5 second read
ปิดความเห็น บน คนร วยกับคนจน สังคมต่างกันเยอะ
0
230

1. เศรษฐีนั้นคิดย าวแต่คนชั้นกลางคิดสั้น

ว่าที่จริงคนที่คิดสั้นที่สุดก็คือคนจนพวกเขามักจะคิดอะไรแบบวันต่อวัน

ทำนองหาเช้ากินค่ำคนชั้นกลางนั้นมักจะคิดเป็นเดือนต่อเดือน

นั่นคือคิดถึงวันเงิ นเดือนออกแต่คนร วยจะต้องคิดย าวเป็นปี ๆ หรือเป็นสิบ ๆ ปี

ในใจของคนจนนั้น เขามักคิดแต่เฉพาะเรื่องของความอยู่รอดเป็นหลัก

ในขณะที่คนชั้นกลางคิดถึงเรื่องความสุขสบายจากการจับจ่ายใช้สอยสินค้า

ส่วนคนร วยนั้น เป้าหมายของพวกเขาชัดเจนเขาต้องการความเป็นอิสระทางการเ งิน

การคิดย าวนั้นมีพลังมหาศาล เพราะมันจะทำให้เขาอดออมและลงทุนระยะย าว

ซึ่งจะทำให้เ งินงอกเงยแบบทบต้นเป็นเวลานานและนี่คือสูตรสำคัญที่สุดในการที่จะทำให้คนมั่งคั่ง

 

2. คนร วยพูดเกี่ยวกับเรื่องไอเดีย คนชั้นกลางพูดเกี่ยวกับสิ่งของ และคนจนพูดถึงเรื่องของคนอื่น

นี่คงไม่ได้หมายถึงว่าคนร วยไม่พูดเกี่ยวกับเรื่องของสิ่งของหรือคนอื่น

แต่หมายถึงว่าคนร วยจะพูดถึงเรื่องของคนอื่นน้อยกว่าคนจนและมักจะเป็นคนที่มีแนวความคิดดี ๆ

หรือมีมุมมองต่าง ๆ มากกว่าคนชั้นกลางและคนจนเบื้องหลังของนิสัยในเรื่องนี้

คงอยู่ที่ว่าคนร วยนั้นมักจะมีความคิดสร้างสรรค์มากกว่าคนจน

ซึ่งมักจะชอบ “ซุบซิบนินทา”เป็นนิจสิน

ในขณะที่คนชั้นกลางอาจจะเน้นการทำงานประจำ

ชอบพูดถึงเรื่องรถยนต์ดนตรี การพักผ่อนหย่อนใจ เป็นต้น

 

3. คนร วยยอมรับการเปลี่ยนแปลง คนชั้นกลางต่อต้านการเปลี่ยนแปลง

คนชั้นกลางรู้สึกว่าการเปลี่ยนแปลงจะคุ กคามชีวิตความเป็นอยู่ที่ตนเองเคยชิน

ในขณะที่คนร วยนั้นคิดว่าการเปลี่ยนแปลง

อาจนำมาซึ่งชีวิตที่ดีกว่าเขาคิดว่าในการเปลี่ยนแปลงนั้น

มักมีโอกาสที่เขาอาจจะฉกฉวยได้เบื้องหลัง

นิสัยนี้อาจจะมาจากการที่คนร วยมีความมั่นใจสูงกว่าคนชั้นกลาง

ที่มักจะกลัวว่าตนเองจะไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับสิ่งใหม่ ๆ ได้

 

4. คนร วยกล้ารับความเสี่ ยงที่ได้มีการพิจารณาและไตร่ตรองดีแล้ว

คนชั้นกลางกลัวที่จะรับความเ สี่ยง

นี่เป็นนิสัยที่เป็นจุดอ่อนมากที่สุดของคนชั้นกลางในความเห็นของผม

คนที่ไม่ยอมรับความเสี่ ยงเลยนั้นจะพลาดที่จะได้ผลตอบแทนที่ดีโดยสิ้นเชิง

ในขณะที่คนที่กล้ารับความเสี่ ยงอย่ างที่ได้มีการศึกษามาเป็นอย่ างดี

จะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีได้โดยที่ความเสี่ ยงจริง ๆ

นั้นจะมีน้อยมากตัวอย่ างที่เห็นชัดเจนที่สุด ก็คือ

คนชั้นกลางส่วนใหญ่นั้นมักจะกลัวการลงทุนในหุ้นหรือตราส ารการเงิ นที่มีความผันผวนของราคา

โดยที่เขาไม่พย าย ามศึกษาว่าในระยะย าวแล้วมันอาจจะมีความคุ้มค่ากว่าการฝากเ งินในธนาคารมาก

ในอีกมุมหนึ่ง คนที่กล้ารับความเสี่ ยงอย่ าง “บ้ าบิ่น” เช่น คนที่เล่นหุ้นวันต่อวันเองก็ไม่ใช่นิสัยของคนร วย

คนร วยนั้นจะต้องรับความเสี่ ยงเฉพาะที่มีการพิจารณาอย่ างถี่ถ้วนแล้ว

 

5. คนร วยเรียนรู้และเติบโตตลอดชีวิต

คนชั้นกลางคิดว่าการเรียนรู้จบที่โรงเรียน

นิสัยการเรียนรู้ไปเรื่อย ๆ นี้ ผมคิดว่าเป็นหัวใจเศรษฐีจริง ๆ

เพราะในความรู้สึกของผมเอง การเรียนรู้จากโรงเรียนเป็นเพียงพื้นฐานที่เรานำมาศึกษาต่อด้วยตนเองได้

และเวลาหลังจากการเรียนในโรงเรียนนั้นย าวมากเป็นหลายสิบปี

ดังนั้น ความรู้ส่วนใหญ่จึงควรที่จะเกิดขึ้นหลังจากที่เราเรียนจบจากโรงเรียน

โดยนัยของข้อนี้คนร วยจึงน่าจะมีนิสัยรักการอ่ านหรือการหาความรู้ต่อไปเรื่อย ๆ

ในขณะที่คนชั้นกลางนั้นพอเรียนจบก็มักจะไม่สนใจอ่ านหนังสือหรือหาความรู้ใหม่ ๆ

และความรู้ที่ผมคิดว่าคนชั้นกลางพลาดไปเพราะไม่มีการสอนในโรงเรียน

ก็คือความรู้ทางด้านการเงิ นที่คนร วยมักจะศึกษาต่อ

เพราะเห็นถึงความสำคัญและอาจนำไปสู่ความร่ำร วยได้

 

6. คนร วยทำงานเพื่อหากำไร

คนชั้นกลางทำงานเพื่อจะได้ค่าจ้าง

คนร วยมองว่านี่คือหนทางที่จะทำให้ร วยได้มากกว่า

แม้ว่าจะมีความเสี่ ยงในขณะที่คนชั้นกลางนั้นมักจะไม่กล้าเสี่ ยง

และอาจจะมีความคิดสร้างสรรค์น้อยกว่า จึงมุ่งไปที่การหางานที่จะมีรายได้แน่นอน

แต่รายได้จากการใช้แรงงานของตนเองนั้น มีน้อยคนที่จะทำให้ตนเองร วยได้

 

7. คนร วยเชื่อว่าพวกเขาจะต้องใจบุญสุนทาน

คนชั้นกลางคิดว่าพวกเขาไม่มีปัญญาที่จะทำบุญ

ข้อนี้ผมเองคงไม่มีคอมเม้นท์อะไร ส่วนหนึ่งผมเองก็ไม่แน่ใจ

เนื่องจากเรื่องนี้เป็นเรื่องของแต่ละคนที่ไม่ค่อยบอกหรือรู้กัน

ยกเว้นกรณีที่เป็นการบริจาคใหญ่ ๆ อย่ างกรณีของบัฟเฟตต์หรือบิลเกต

 

ขอบคุณที่มา : forlifeth

Load More Related Articles
Load More By erz
Load More In เรื่องน่ารู้
Comments are closed.

Check Also

ตัวเราก็มีค่า ในแบบตัวเรา

เมื่อชีวิตต้องพบ กับความผิดหวัง แพ้พ่าย เสี ยใจ การมีใค … …